Page 142 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 142
124
สติเข้าไปรู้ เขาเปลี่ยนอย่างไรอีก ? แรงขึ้น เบาลง ช้าลง จางลง เล็กลง น้อยลง บางลง จางหายไป ? นั่นคือจุดที่ต้องสังเกต แต่ว่าเขาไม่ได้เปลี่ยน เร็วอย่างที่เราต้องการ บางครั้งเขาเปลี่ยนช้า เราก็รู้สึกทรมานนาน แต่ อย่างไรเขาก็เปลี่ยน แต่ตรงที่เขาเปลี่ยนช้าแล้วเราทรมานนานนั่นแหละที่เรา ทนไม่ได้ เวทนาเกิดขึ้นแล้วทนได้ยาก
แต่บางครั้ง โยคีบางคนรู้สึกเวทนาเบา ๆ ก็อยู่กับความสบายไป ไม่ สนใจเวทนา ตัวหายไป ตัวว่างไป เวทนารู้สึกเบา ๆ บาง ๆ ก็ปล่อยให้เบา ๆ บาง ๆ ไป ไม่กาหนดเวทนา แล้วจากนั้นจะปฏิบัติอย่างไรต่อ ? เพราะเวทนา ก็บาง ๆ ใจก็เบา ๆ ใส ๆ แล้ว จะทาอย่างไรต่อ ? สิ่งที่ต้องทาต่อคือ “ตาม รู้” จิตที่เบาแล้วนี่ เข้าไปรู้เวทนาว่าดับอย่างไร เปลี่ยนอย่างไร หายอย่างไร พอเวทนาหายไปหมด ตรงนั้นแหละจะได้รู้ว่าไปต่อได้หรือไม่ได้จริง ๆ
ที่จริงแล้วถ้าสังเกตดี ๆ เขาจะมีสภาวะที่เกิดต่อเนื่องกัน เมื่อเวทนา จุดนี้หายไป หรือตัวหายไปทั้งหมด เผื่อไว้นะ เผื่อเราน่ัง ๆ แล้วตัวหายไป ทั้งหมด ไม่ต้องตกใจ เมื่อตัวหายว่างไปหมด สังเกตว่า จิตของเราเป็น อย่างไร ? ใจเรารู้สึกว่าง เบา เงียบ มืดไป สลัว ๆ หรือว่าสว่างจ้า หรือ ใส ๆ ? เหล่านี้คือสภาวะที่เราต้องรู้ต่อทั้งสิ้น ใสก็เข้าไปรู้ความใส เงียบก็ เข้าไปรู้ในความเงียบ ในตัวความเงียบเองเขามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ? ความใสเองเขาเปลี่ยนอย่างไร ? เขามีการเปลี่ยนอีกไหม ? ถ้าสลัว ๆ ใน ความสลัวเขามีการเปลี่ยนอีกหรือเปล่า ? นั่นคือสิ่งที่เราต้องรู้ต่อ
ถามว่า รู้ต่อทาไม ก็มันว่างแล้ว สบายแล้ว ? ถ้าสบายแล้วไม่มี ปัญหา ถ้าพอใจก็อยู่กับเขาไปก่อนสักพัก ชั่วโมงหนึ่งดื่มด่ากับความสุข ก่อนก็ไม่เป็นไร หลังจากนั้นค่อยมารู้อาการเกิดดับต่อ ถ้าจะรู้ต่อ ก็รู้ต่อตรง ที่บอกเมื่อกี้ว่า ถ้าใจเราว่าง ให้รู้เข้าไปในความว่างนั้นแหละ ต้องรู้นะว่าใจ เราว่าง ไม่ใช่แค่ว่าง ๆ พอตัวหาย พองยุบหาย ลมหายใจหายไป กลายเป็น อากาศ เขาเรียก “ไม่มีรูป” แต่ในขณะที่ไม่มีรูปหยาบอันนี้ ก็ยังมีอารมณ์