Page 146 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 146

128
เมื่อเราแผ่ความสุขออกไป ไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ แล้วตั้งจิต อธิษฐาน ขอแผ่บุญกุศลนี้ออกไป ให้กับพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ญาติสนิทมิตร สหาย เพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เทวดาทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้และที่อื่น ๆ ขอให้รับรู้ถึงบุญกุศลที่เราแผ่ออกไป เมื่อรับรู้แล้วก็ขอให้อนุโมทนาใน บุญกุศลที่เราได้ทานี้ เมื่ออนุโมทนาแล้ว ถ้ามีทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามี สุขก็ให้มีสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามีเวรมีภัยต่อกันก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพื่อความเจริญความผาสุกในชีวิตตลอดไป
สุดท้ายนี้ ก็ขออานิสงส์ผลบุญกุศลที่เราได้ทา ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา ที่ทามาและกาลังทาอยู่นี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลว เป็นปัจจัย ให้เราทั้งหลายจงเป็นผู้มีความเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตราบเท่าเข้าสู่มรรค ผล นิพพาน ด้วยกันทุกคนเทอญ
ตอบปัญหาธรรม
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๖
โยคี : กราบเรียนถามพระอาจารย์เจ้าค่ะ กรณีเดินจงกรม เวลา
ย่างเท้า ถ้าเราตามดูอาการของเท้าที่ย่างได้ทันปัจจุบัน จาเป็นต้องบริกรรม ซ้ายหนอ ขวาหนอ ไหมคะ หรือว่าให้รู้ทางจิตของเราก็พอ ?
พระอาจารย์ : เวลาเดินจงกรม ขณะที่เรารู้ชัดถึงการเคลื่อนไหว อาการก้าวหรือการกระทบ ตรงนั้นไม่ต้องใช้คาบริกรรมก็ได้ ถ้าชัดในความ รู้สึก ให้รู้ชัดไปเลย แต่ถ้าใครยังจาเป็นต้องใช้ ก็ใช้ได้ แต่ให้คาบริกรรม อยู่ที่เดียวกับอาการ อยู่ที่เดียวกับเท้า แล้วสังเกตอาการก้าวไปว่าเขาเกิด ดับอย่างไร ให้ใช้ในลักษณะอย่างนั้นได้เลย
โยคี : กรณีนั่งสมาธิดูลมหายใจ แล้วมีความคิดเข้ามา ให้เราเข้าไป กาหนดรู้ และปล่อยวาง ใช่ไหมเจ้าคะ ?


































































































   144   145   146   147   148