Page 148 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 148
130
นั้นได้อย่างไร ถ้ารู้สึกอย่างนั้น พอเรานิ่งนิดหนึ่ง เดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง ไม่ ต้องตกใจกลัวขนาดว่าจิตจะกลับมาไม่ได้ ตรงที่กลัวว่าจิตจะไม่กลับมา ตรง นั้นแหละน่ากลัวกว่า!
เพราะอะไร ? ตรงที่ตกใจนั้นไม่มีสติ พอไม่มีสติแล้วก็ปรุงแต่งไป ว่าจิตไม่สามารถกลับเข้าตัวได้ ทั้ง ๆ ที่เดินไปพูดไป ที่จริงเรากลับมาเต็มที่ แล้ว แต่สติต่างหากที่ยังไม่กลับ! จิตมาอยู่ที่ตัวแล้ว จนเดินได้แล้ว พูดได้ แล้ว แต่สติต่างหากที่ยังไม่กลับ สติยังไม่เต็มที่ ก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าจิต ยังไม่กลับ ลองสังเกตดูสิว่า ถ้าจิตไม่กลับมาที่ตัว เราจะขยับตัวได้หรือ เปล่า ?
เพราะธรรมชาติของกายกับจิตอาศัยกัน กายจะขยับได้ต่อเมื่อจิต สั่ง หรือเมื่ออยากขยับเท่านั้น ถ้าไม่อยากขยับ เขาจะขยับไม่ได้ ก็เหมือนกับ ท่อนไม้ท่อนฟืนนั่นแหละ เวลาเราปวดมาก ๆ แต่ถ้าเราไม่อยากขยับ เขาก็ จะทนอยู่ แต่เมื่อไหร่ทนไม่ไหว ใจมันอยากขยับ ถึงขยับ เพราะธรรมชาติ ของกายกับจิต หรือรูปกับนาม เขาอาศัยกันโดยธรรมชาติ ฉะนั้น ถ้ากลัวว่า ออกไปแล้ว จะทาอย่างไรถึงจะกลับมาได้ ? แค่นิ่ง ตั้งสตินิดหนึ่ง แล้วเขาก็ กลับมาเอง นั่นคือวิธีทาให้จิตกลับมาที่ตัว
โยคี : พอหลับตานั่งสมาธิแล้วง่วงมาก จึงลืมตาสมาธิแทน อยาก ทราบว่าการลืมตาสมาธิจะได้การวิปัสสนากรรมฐานเหมือนการหลับตาไหม เจ้าคะ ?
พระอาจารย์ : ได้เหมือนกัน การเจริญกรรมฐาน หลับตาก็ได้ ลืมตา ก็ได้ เวลาเราหลับตา เรารู้อารมณ์ภายใน ลืมตา เรารู้อารมณ์ภายนอก เวลา ตากระทบรูป เวลาจิตเราไปกระทบกับภาพที่เห็น สังเกตว่า ภาพที่เห็นเขา นิ่ง ๆ อยู่ตลอด หรือมีอาการเกิดดับ ? หรือจิตที่ไปรู้ภาพนั้นเขานิ่ง ๆ หรือ มีการเกิดดับ ? เขาก็จะมีอาการเกิดดับเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้น ขณะที่ เรานั่ง จะลืมตาหรือหลับตาก็ได้ ขออย่างเดียวอย่าซัดส่ายสายตา เพราะจิต