Page 151 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 151
133
เปลี่ยนแปลง ขึ้นลง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะมันไม่เที่ยง
เพราะฉะนั้น ให้พอใจที่จะรู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน อารมณ์ไหนเกิด
ขึ้นมา ให้พอใจที่จะรู้ว่าเขาเกิดดับเปลี่ยนแปลงอย่างไร เวทนาชัดขึ้นมาก็ให้ พอใจรู้ ถือว่าดีแล้วที่มีเวทนาเกิดขึ้นมาให้กาหนด เราไม่ได้นั่งเงียบ ๆ ว่าง ๆ หาอะไรไม่เจอ บางคนนั่งว่างจนไม่มีอะไรเลย ไม่มีเวทนา ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความคิด ก็รู้สึกไม่ดีเลย หาอะไรก็ไม่เจอ ก็กลายเป็นปัญหาอีกอย่าง หนึ่ง เพราะฉะนั้น มีเวทนาให้ดู ก็ถือว่าดีแล้ว
โยคี : มีคนบอกว่า ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ สัญญามันจะดับ มีลักษณะ อย่างไร ? ขณะที่โยมสนทนาอยู่ ก็ได้ยิน และเข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เมื่อ จบการสนทนานั้น กลับจาสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาไม่ได้ ต้องใช้เวลานึก บางทีก็นึก ไม่ออก ทั้ง ๆ ที่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่นาที บอกถึงอะไรได้บ้าง ? และควร แก้ไขปรับปรุงอย่างไรเจ้าคะ ?
พระอาจารย์ : ประเด็นอยู่ที่ว่า ขณะที่เราฟังเขาพูด ขณะนั้นเราใส่ใจ แค่คาพูด หรือสนใจเรื่องราวที่เขาพูด และขณะที่ฟังเขาพูด ตั้งใจที่จะจา หรือเปล่า หรือแค่ฟังเฉย ๆ ? แต่ที่ถามมาเมื่อกี้ เหมือนกับฟังไปเรื่อย ๆ แล้วไม่มีเจตนาที่จะจา พอเขาพูดจบเราก็ลืม กว่าจะทบทวนได้ก็ใช้เวลา ถ้า มีเจตนาหรือใส่ใจที่จะจา ก็จะจาได้ แต่ถ้าเราไม่อยากจา หรืออยากเอาเสียง นั้นมาเป็นอารมณ์กรรมฐาน ก็ให้มีเจตนาที่จะไปรู้อาการเกิดดับของเสียง ถ้าไปรู้อาการเกิดดับของเสียงเมื่อไหร่ เราจะจาไม่ได้ รู้แต่ว่าเสียงเกิดดับ ในลักษณะอย่างไร
เมื่อกี้ที่ถามมา ที่จาไม่ได้นั้นเป็นอย่างไร ? คาว่า “สัญญาดับไป” จะเป็นอีกตัวหนึ่ง สัญญาคือความจา จาเรื่องต่าง ๆ จริง ๆ แล้วเขาไม่ดับ หมด ดับไปชั่วขณะหนึ่ง รู้ จา แล้วก็ดับไป แต่ถ้าจะระลึกก็ระลึกได้อีก ถ้าสัญญาหายไปหมดเลย จาอะไรไม่ได้เลยนี่ ขันธ์ ๕ หายไปขันธ์หนึ่งนะ สัญญาขันธ์ไง ถ้าสัญญาขันธ์หายไป จะเป็นอย่างไร ? ถ้าจาอะไรไม่ได้เลย