Page 196 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 196
178
เป็นเราหรือเปล่า หรือแค่รู้สึกสุขเท่านั้นเอง ? ตรงนี้เป็นความสุขที่ไม่อิง อามิส เขาเรียก “นิรามิสสุข” สุขที่เกิดจากจิตที่เป็นกุศล สุขจากจิตที่เป็นบุญ ไม่ใช่ได้สิ่งของแล้วเป็นสุข
เพราะฉะนั้น ความสุขเหล่านี้เอามาเป็น “กาลัง” ของเรา เอาจิตที่ สุขนี้แหละมาหล่อเลี้ยงจิตใจของเราให้มีความสดชื่น ไม่ขุ่นมัว ไม่เศร้าหมอง ง่าย เมื่อไหร่ที่เรามีความสุขแบบนี้ สังเกตไหม เวลาใจเราอิ่ม ใจเราเต็ม เรามีความสุข เวลาคิดถึงอะไร เรารู้สึกเป็นอย่างไร ? อยากเก็บไว้คนเดียว หรืออยากเผื่อแผ่คนอื่น ? คิดถึงคนที่เรารู้สึกดี ๆ ด้วยใช่ไหม ? ตรงนี้เขา เรียกเมตตาเกิดทันที พอเรามีความสุขเมตตาก็เกิด อยากให้คนนั้นมีความ สุข อยากให้คนนี้มีความสุข
และขณะที่เรามีความสุขแบบนี้ สมาธิเกิดขึ้นง่าย แล้วตั้งอยู่ได้นาน ฌานเกิดขึ้นได้เร็ว แล้วเราเอาความสุขนี้แหละมาใช้ในการปฏิบัติ เดินก็ให้ เดินอยู่ในความสุข นั่งก็นั่งอยู่ในความสุข พูดคุยก็พูดผ่านความสุข ฟังเสียง ก็ผ่านความสุข สังเกตว่าอารมณ์จะกระทบน้อย โดยธรรมชาติของคนเรา เวลามีความสุข โทสะเกิดได้ยาก เวลามีความสุขมาก ๆ เวลาคนพูดอะไร เข้ามา ก็ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก! ทาไมเราถึงรู้สึกว่าเรื่องเล็ก ? เพราะใจเราเต็ม แต่เมื่อไหร่ที่ใจเรารู้สึกแห้งแล้ง ห่อเหี่ยว หรือแคบลง เวลากระทบมา เรื่อง เท่าเดิม แต่รู้สึกใหญ่กว่าเดิม หนักกว่า จะเกิดความทุกข์ได้เร็ว โทสะเกิดง่าย
เพราะฉะนนั้ การใชค้ วามสขุ แบบนใี้ นการรบั รอู้ ารมณ์ เปน็ การปอ้ งกนั ตัวเองได้อย่างหนึ่ง ทาบุญไว้แล้วอย่าลืมเอามาใช้บ่อย ๆ ที่เรียก “ปุญญา- นุสติ” เคยระลึกถึงบ้างไหม ? อย่ากลัวติดบุญ ไม่ต้องกลัวติดสุข แต่เอาสุข มาใชเ้ พอื่ ทจี่ ะเจรญิ สตติ อ่ ไป พอนอ้ มเขา้ มาแลว้ ทา ใหใ้ จเรามคี วามสขุ เวลาเรา นั่งสมาธิเจริญกรรมฐาน เราก็ตามรู้อาการเกิดดับของรูปนามอย่างมีความสุข ไม่ใช่ตามรู้อย่างเคร่งเครียด ถ้าตามรู้อย่างเคร่งเครียด เราก็จะรู้สึกอึดอัด แล้วก็มีแต่ความอยาก อยากให้มันเป็นอย่างนั้น อยากให้มันเป็นอย่างนี้...