Page 214 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 214

196
สติเข้าไปกาหนดรู้ เมื่อเห็นอาการนั้นดับ แล้วเห็นจิตดับไปด้วยแต่ละครั้ง แต่ละขณะ แต่ละขณะ แต่ละขณะ ลองดูว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นว่าเขาดับ ไป สภาพจิตใจรู้สึกเป็นอย่างไร ? โล่งขึ้น เบาขึ้น ว่างขึ้น หรือเป็นอย่างไร ? อันนี้จะเป็นตัวพิสูจน์
เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นอาการดับของรูปนาม อุปาทานการเข้าไปยึดในสิ่ง นั้นก็จะถูกตัดไปด้วยทุก ๆ ขณะ เมื่อมีผัสสะเกิดขึ้น มีเวทนาเกิดขึ้น แต่ ไม่มีผู้เสวย เขาก็จบลงตรงที่ผัสสะกับเวทนา ตัณหาไม่เกิด การเห็นลักษณะ อาการเกิดดับของรูปนามเป็นสิ่งสาคัญ ตรงนี้เป็นวิปัสสนาปัญญา ที่เรียกว่า “วิปัสสนาญาณ” อารมณ์วิปัสสนาญาณจะเกิดได้อย่างไร ? ก็เกิดในขณะที่เรา มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ยิ่งเรากาหนดรู้ด้วยความรู้สึกที่ไม่มี ตัวตน ไม่มีเรา มีแต่จิตที่เข้าไปรู้ด้วยแล้ว เราจะเห็นชัดว่า เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เห็นอาการเกิดดับของรูปนามหมดไปแต่ละขณะ แต่ละขณะ เราจะเห็นว่า สภาพจิตเป็นอย่างไร พวกเราทุกคนสามารถเห็นได้ เข้าถึงได้
สังเกตไหมว่า การที่เราจะดับทุกข์ การที่เราจะละกิเลส ปัญญาอยู่ เฉพาะหน้าเราเอง อยู่แค่นี้เอง ไม่ได้อยู่ไกลที่ไหนเลย! แค่มีสติกาหนดรู้ แล้ว รู้วิธีดับทุกข์ รู้แล้วเห็นเขาดับไป ดับทุกครั้งเขาเบาไป ดับทุกครั้งเขาว่างไป ความทุกข์ก็ดับ จิตก็จะผ่องใสขึ้น สว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ นั่นจะเห็นว่าปัญญา วิปัสสนาเมื่อเข้าถึงแล้ว เห็นแล้ว ทาให้จิตเราผ่องใส คลายอุปาทาน ความ สว่างความผ่องใสของจิตก็จะปรากฏเองโดยอัตโนมัติ เพราะเป็นสิ่งที่เขาเกิด ขึ้นโดยเหตุปัจจัยของเขา เหมือนกับเราเปิดไฟขึ้นในความมืด เมื่อแสงสว่าง เกิดขึ้น ความมืดก็หายไปโดยอัตโนมัติ
ขณะทยี่ กจติ ขนึ้ สคู่ วามวา่ ง แลว้ เหน็ วา่ จติ ไมบ่ อกวา่ เปน็ เรา รปู ทนี่ งั่ อยู่ ไม่บอกว่าเป็นเรา และจิตก็จะเบา ๆ ว่าง ๆ ถามว่า ขณะนั้นมีกิเลสตัวไหน เกิดได้บ้าง ? โลภะ ? โทสะ ? โมหะ ? นี่คือเรารับรองด้วยตัวเอง พิจารณา ด้วยตัวเองว่ามีสิ่งไหนเกิดได้บ้าง เกิดหรือไม่เกิด หรือมีแต่ความว่าง ความ


































































































   212   213   214   215   216