Page 216 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 216

198
ทนเพื่ออะไร ? เรื่องไหนบ้างที่ต้องทน ? เรื่องไหนบ้างที่ไม่จาเป็นต้องทน ? ตรงนี้ปัญญาที่นาเอาขันติมาใช้ ทีนี้ ทาอย่างไรขันติจึงจะเกิดขึ้นได้ ? ก็ต้อง ทนอีกนั่นแหละ ใช่ไหม ? ขันติจะเกิดก็ต้องทน
สังเกตดูนะว่า ใครที่มีความมุ่งมั่นและมีใจสู้ คนนั้นจะทนอะไรได้ มากกว่า อย่างเวลาเรามีเวทนาเกิดขึ้นมา ปวดขึ้นมาปุ๊บ เรากัดฟันสู้กับเวทนา เราจะทนได้นานกว่าคนไม่สู้ ใช่ไหม ? พอเราสู้ ขันติก็เกิด ถ้าเราไม่สู้ ขันติ ก็หายไป เพราะฉะนั้น จะให้ขันติเกิด ต้องสู้! สู้กับอะไร ? สู้ทาไม ? อันนี้ ต้องมีเหตุผลนะ ไม่ใช่สู้อะไรก็ไม่รู้ รู้แต่สู้อย่างเดียว ก็เหนื่อย! เวลาเรา เจริญกรรมฐาน สู้กับอะไรบ้าง ? สู้กับอกุศลที่เข้ามา โมหะเอย ถีนมิทธะ เอย เวทนาเอย ความคิดเอยที่เข้ามา...
เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น ถ้าเราไม่สู้ เราก็แพ้! สู้อย่างไร ? วิธีสู้ ต้องสู้ ด้วยปัญญา ไม่ใช่ใช้แต่กาลังอย่างเดียว สมมติว่า พอเรานั่งลงหลับตา ความ คิดก็เกิดขึ้นมา เราจะสู้กับความคิดได้อย่างไรในเมื่อความคิดเข้ามารบกวน ตลอดเลย ? รู้สึกว่าเดี๋ยวมา เดี๋ยวมา เดี๋ยวมา... บางทีความคิดสัพเพเหระ ไม่ได้เรื่องหรอก แต่ไล่เขาก็ไม่ไป ปฏิเสธไม่ได้ ใช่ไหม ? สังเกตดูสิ เวลา คิดใหม่ ๆ ก็เป็นเรื่องหรอก สักพักความคิดที่ไม่เป็นเรื่องก็เข้ามา ถามว่า ทาอย่างไร ? ถ้าเราปฏิเสธความคิดอย่างเดียว พอเขาไม่เป็นอย่างที่ปรารถนา เราก็จะราคาญ จะหงุดหงิดตัวเอง แสดงว่าเราใช้กาลัง เราใช้อานาจอย่าง เดียว แต่ไม่ใช้ปัญญา
วธิ กี ารพจิ ารณาความคดิ อยา่ งทบี่ อกแลว้ กค็ อื “กา หนดรอู้ ยา่ งไมม่ ตี วั ตน” ให้แยกออกมาระหว่างจิตที่ทาหน้าที่รู้กับเรื่องที่กาลังคิดอยู่ แล้ว “เพิ่ม ความพอใจ” ที่จะรู้ว่าความคิดเกิดขึ้นแล้วดับอย่างไร เรื่องนี้เข้ามาดับอย่างไร ภาพนี้เกิดขึ้นมาดับในลักษณะอย่างไร เลือนไป จางไป แตกกระจายไป หรือ แวบดับไป... ให้พอใจที่จะกาหนดรู้ แล้วความคิดจะอยู่ไม่ได้ นั่นคือการสู้ ด้วยปัญญา เพราะอะไร ? เพราะเรารู้แล้วว่าความคิดไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยง


































































































   214   215   216   217   218