Page 217 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 217

199
ทาไมจะต้องไปทาอะไร ? แค่พอใจที่จะรู้ถึงความไม่เที่ยง การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของเขาเท่านั้นเอง เดี๋ยวจิตของเราก็จะจัดระเบียบของเขาเอง แล้วก็จะ จบเอง เขาก็จะหายไป ใช้เวลาไม่นาน
อย่างการสู้กับเวทนาก็เหมือนกัน เวลามีเวทนาเกิดมาก ๆ ให้รู้แบบ ไม่มีตัวตนเหมือนกัน แต่เวลาสู้นี่ ให้เข้าไปรู้ว่าเขาเกิดดับอย่างไร โดยให้ เวทนาอยู่ในที่ว่าง ๆ แล้วก็ไปรู้ว่าเวทนาที่เกิดขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงเกิดดับ อย่างไร ทาไมเราต้องกาหนดรู้ด้วย ในเมื่อเวทนาเกิดขึ้น เราก็เปลี่ยน อิริยาบถได้ ไม่ต้องทนไม่ได้เหรอ ? เวทนาที่เป็นสภาวญาณ เกิดจากอานาจ ของสติ สมาธิ และปัญญาของเรา ทาให้เวทนาปรากฏชัด เมื่อเวทนาปรากฏ ชัด ก็ต้องกาหนดรู้ รู้ด้วยปัญญา
การรู้ด้วยปัญญา รู้ว่าเวทนาเป็นคนละส่วนกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เมื่อไหร่ เราจะเห็นชัดถึงเวทนาขันธ์กับวิญญาณขันธ์เป็นคนละส่วนกัน จาก น้ันก็รู้ว่าเวทนาเป็นของไม่เที่ยง รู้อาการเกิดดับของเวทนา แล้วอานิสงส์ หรือประโยชน์ของการกาหนดเวทนา คือทาให้จิตเราตื่นตัว เมื่อไหร่ที่เราสู้ กับเวทนา มีปัญญาเห็นการเปลี่ยนแปลงการเกิดดับของเวทนา ถึงแม้จะ ดับช้า ดับเร็ว ค่อย ๆ แรงขึ้น หรือเบาลงก็ตาม นั่นคือเห็นความไม่เที่ยงของ เวทนา แล้วทาให้สติเรามีกาลังมากขึ้น จิตเราจะตื่นตัว จิตจะผ่องใส
ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เข้าไปยึดเอาว่าเวทนาเป็นของเรา เรามีเวทนา จาก ผ่องใสก็ขุ่นมัว จากขุ่นมัวเริ่มกระสับกระส่ายแล้ว ไม่ไหวแล้ว เพราะมีเรา เข้าไปเสวยรสชาติของเวทนา เพราะฉะนั้น วิธีสังเกตก็คือ เมื่อเวทนาเกิด ขึ้น มีความปวดเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ในความปวดนั่นแหละเขาจะแสดงอาการ พระไตรลักษณ์ อาจจะอยู่ตรงกลางของเวทนาเอง อาจจะอยู่รอบ ๆ เวทนา หรือจะอยู่ในเวทนา ให้สังเกตตรงที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดดับ ที่มีอาการ ขยับ ไม่ใช่หยุดนิ่ง


































































































   215   216   217   218   219