Page 235 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 235
217
เข้าไปรู้ว่าความสงบนั้นเปลี่ยนอย่างไร ฉะนั้น ตัวที่ชัดที่สุดก็คือความสงบ ถ้ารู้สึกว่าผ่องใส ก็เข้าไปที่ความผ่องใสนั่นแหละ นั่นคืออารมณ์ที่ชัดที่สุดใน ขณะนั้น ไม่เรียกว่าไม่มีอะไรเลย เพราะสิ่งที่ “มี” คือ ความว่าง ความสงบ ความโล่ง ความเบา... ในความไม่มีก็ยัง “มี” อยู่!
ขณะที่รูปเราโปร่งใสหมด ข้างในใส โล่งไปหมด เข้าไปดูได้ว่าข้างใน ความใสเขามีอะไรอีก ความใสนั้นเขาเปลี่ยนอย่างไร ไม่ใช่โปร่งใสแค่นั้นแล้ว จบนะ ยังมีต่อ ยังมีอีก... ยังมีใสกว่าที่โยมเล่าอีก เพราะฉะนั้น ยังเดินต่อ ไปได้ กาหนดต่อไปเลย ขณะที่รูปโปร่งแล้วก็ใส อย่างหนึ่งที่ต้องสังเกตก็คือ เมื่อมาดูสภาพจิตใจเรา ขณะนั้นจิตเราใสด้วยหรือเปล่า ? เพราะมีผลสืบเนื่อง กัน จิตว่างรูปก็ว่าง จิตใสรูปก็ใส จิตสงบรูปก็สงบ แต่สงบแบบมีตัวตนหรือ สงบแบบไม่มีตัวตน อันนี้ต้องแยกอีกนิดหนึ่ง...
สงบแบบเราสงบ หรือเป็นความสงบที่ไม่มีเรา ? รู้สึกมีแต่ความสงบ อย่างเดียว ไม่บอกว่าเป็นเราเลย รู้สึกสงบมาก ๆ ถามว่า จะกลัวติดสงบอีก ไหม ? ทาไมปฏิบัติธรรมแล้วมีแต่ความกลัว ? หายากมากคนติดสุข เท่าที่ เห็นนะ ที่มาปฏิบัติมีแต่ทุกข์ทั้งนั้นเลย กว่าจะสุขได้ใช้เวลาตั้งนาน! “ติดสุขดี กว่าติดทุกข์” นั่นแหละถูกแล้ว! ให้สุขติดตัวเรา เราไม่ติดสุขแต่ให้สุขติดตัว เราไปตลอดเวลา อยู่ที่ไหนเราก็จะมีความสุข แต่เราอย่าติดเขา ให้เขาติดตัว เรา... ทาอย่างไรล่ะ ?
คาว่า “เรา” คือ นามบัญญัติ เราเอาชื่อไปใส่เท่านั้นเอง แล้วเราก็ไป ยึดชื่ออันนั้นว่าเป็นของเรา รูปของเรา จิตของเรา จริง ๆ ก็เป็นแค่วิญญาณ รู้กับรูปที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น จิตที่มีความสุขก็เป็นสุขที่ไม่ประกอบด้วยเรา ได้ แล้วกลับบ้านก็พาไปด้วย ไปทางานก็พาไปด้วย ให้ติดไป ให้เขานาหน้า เราก็ได้ แล้วเขาจะติดเรา ใช้งานเขาบ่อย ๆ เขาจะติดเรา ถ้าเราไม่ใช้ เขา ก็ไม่ติด แล้วเราก็หาเขาอยู่นั่นแหละ กลายเป็นว่าเราติดเขาแล้ว! พยายาม หาความสุขก็หาไม่ค่อยเจอ แสวงหาทุกวันนี้ก็เพื่อความสุขไม่ใช่หรือ ?