Page 266 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 266

248
จิตใจของเรา ใช้ได้ตลอดเวลา! จะพูด จะคุย จะคิด กระพริบตา อ้าปาก ก็ มีสติ ให้สังเกตว่า จิตมันสั่งไหม ? รู้ก่อนไหม รู้ก่อนไหม ? ให้พอใจที่จะรู้ ใช้ภาษาเราก็คือ “พอใจที่จะรู้” ภาษานั้นเขาเรียกว่ามีตัว “ฉันทะ” พอใจที่ จะรู้ แล้วคอยสังเกตไปเรื่อย ทันบ้างไม่ทันบ้าง ให้ทาเนือง ๆ เหมือนกับ ฝนตกทีละนิด ทีละนิด เดี๋ยวก็เต็มตุ่มเอง สติเราทีละขณะ ทีละนิด ทีละ นิด เดี๋ยวก็บริบูรณ์
สติบริบูรณ์เป็นอย่างไรต้องหากันเอาเอง แล้วเราจะรู้ อ๋อ! สติบริบูรณ์ เป็นอย่างนี้เอง วันนี้สติเราดีมากเลย เห็นอะไรชัดไปหมด จิตใสไปหมด สมาธิ ก็ดี สติก็ดี กิเลสไม่เกิด นั่นแหละเราก็พิจารณาเอง แต่อย่าหลงตัวเองก็พอ! ให้รู้ว่าจิตขณะนี้เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ โอ! ฉันวิเศษแล้ว... ไม่ได้! คิดได้ไหม ? ได้ คิดอยู่คนเดียวได้ พูดกับคนอื่นไม่ได้...
พูดกับคนอื่นเดี๋ยวเขาว่าเราโอ้อวด พอเขาถามจริง ๆ เราบอกไม่ถูก เสร็จเลย! เรารู้ว่า อ๋อ! สภาพจิตเรามันใสแบบนี้ สงบแบบนี้ รู้สึกดีจังเลย... บางทีเราพูดผลได้ แต่พูดเหตุไม่ได้ อยู่ ๆ มันก็โพล่งขึ้นมา เรียกว่าเกิดโดย บังเอิญ แต่ถ้าเรารู้ว่าเรากาหนดแบบนี้ มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน แล้วจิตสว่าง ขึ้นมา จิตใสขึ้นมา ยิ่งดูสภาพจิตไปเรื่อย ๆ จิตก็จะเริ่มสงบขึ้น เริ่มใสขึ้น เริ่มสว่างขึ้น ผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ อันนั้นเราจะรู้ที่มาที่ไป เพราะอะไร ? เพราะ เรารู้จิตเราอยู่เรื่อย ๆ จึงเห็นว่าจิตค่อย ๆ เปลี่ยนไป เปลี่ยนไป... ตรงนั้น แหละ
การที่เรายกจิตขึ้นสู่ความว่างได้ แล้วเราใช้จิตที่ว่างรับรู้อารมณ์ และ ที่สาคัญมาก ๆ คือการรับรู้อารมณ์อย่างไม่มีตัวตน ทบทวนอีกอย่างหนึ่ง บางทีสอนไปแล้ว เราก็ลืม ไม่ค่อยได้เอาไปใช้หรอก ตั้งแต่วันแรกจนวัน สุดท้ายนี่ ลืมหมดเลย ไม่ค่อยได้ใช้เท่าที่ควร ตั้งแต่วันที่ ๒ ให้เติมความสุข ถ้าไม่บอกก็ไม่ทา ให้ความสุขกับตัวเอง ถ้าไม่บอกก็ไม่ทา! พอมาเล่าสภาวะ เครียดจังเลย... แล้วความสุขที่สอนไปเป็นอย่างไร ? ลืม! หายหมดแล้ว


































































































   264   265   266   267   268