Page 268 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 268

250
แค่คิดก็สุขแล้ว
ถ้าเราชานาญ เราแค่ระลึกถึง เราก็เข้าสู่ความสุขนั้นได้ เขาเรียก
“เป็นการยกจิต” เพราะฉะนั้น ใครที่อยากเป็นเทวดา อยากคิดอะไรก็สาเร็จ ลองฝึกจากตรงนี้แหละ ลองฝึกเนรมิตความสุขให้ตัวเองสิ นึกถึงเมื่อไหร่ ฉันก็สุข นึกถึงเมื่อไหร่ฉันก็สุข... แล้วต่อไปก็จะได้สมหวัง ไม่ต้องไปรอ หลังจากที่เราจากโลกนี้ไป สุขแบบนี้เป็นสุขที่ไม่เร่าร้อน เป็นสุขที่ไม่เจือด้วย อกุศล เป็นสุขที่เกิดจากจิตที่เป็นกุศล เพราะฉะนั้น ใครมี ก็จะเป็นสิ่งดี!
เวลาเรามคี วามสขุ ใครเขา้ มาใกลก้ จ็ ะรสู้ กึ มคี วามสขุ ไปดว้ ย ใชบ้ อ่ ย ๆ พอกลับไปบ้าน บรรยากาศในบ้านก็จะมีความสุข ใช้แบบนี้นะ ที่อาจารย์ ให้แผ่ให้กว้างเท่าศาลา เท่าจักรวาล กลับถึงบ้านก็แผ่ให้กว้างให้เต็มบ้านเรา พาความสขุ กลบั ไปแลว้ แผใ่ หเ้ ตม็ บา้ น คนทอี่ ยใู่ นบา้ นกจ็ ะพลอยรสู้ กึ สบายใจ ไปด้วย อย่างน้อย ๆ เจอหน้าเราก็มีความสุขแล้ว ใช่ไหม ? พอหน้าเรา มีความสุข เขาจะได้บอกถูก อ๋อ! หน้าคนที่มีบุญเป็นแบบนี้เอง ไม่ใช่เดิน เข้าไปแล้ว หน้าบอกบุญไม่รับ หรือหน้าไม่รับบุญ... เราใช้แบบนี้ จิตเราก็ จะเย็น จะสงบ นี่แหละที่บอกว่าให้เราใช้บ่อย ๆ ให้เป็นกิจวัตร ให้เป็นเรื่อง ปกติของชีวิตของเรา
ที่เราบอกว่า โลกนี้มีแต่ทุกข์ มีแต่ความวุ่นวาย แต่คนในโลกนี้ก็อยู่ กับความทุกข์ความวุ่นวายเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยทาให้บรรยากาศของโลก เราวุ่นวายไปหมด ก็มีแต่คนทุกข์เท่านั้นแหละที่แผ่พลังจิตที่มีทุกข์ออกมา เราก็จะรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีเลย เข้าใกล้ก็รู้สึกไม่สบายใจ เห็นแล้วก็ ไม่สบายใจ ได้ยินก็เป็นทุกข์ ทุกข์ไปหมดเลย เพราะพลังจิตที่มีทุกข์นั้นแผ่ ออกมา สังเกตดู พอเราอยู่ใกล้คนมีความสุข บรรยากาศก็จะสงบเย็น ก็จะมี ความสุข ถ้ามนุษย์รักษาจิตของตนให้ดี ให้มีความสุข อยู่กับบุญอยู่กับกุศล อยู่กับความรู้สึกดี ๆ โลกนี้จะสงบเย็น
สังเกต คนมีความสุข ความเรียกร้องจะน้อย สุขเมื่อไหร่โลภะจะ


































































































   266   267   268   269   270