Page 308 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 308

290
เลย หากิเลสก็ไม่เจอ ไม่ใช่ว่าแค่ว่า เพราะว่าเราเพลินให้เข้าไปดูเลยดู ลึก ๆ เลย มี ? ไม่มี ? ตรงนี้คือการสารวจจิตตัวเอง ไม่ใช่แค่ว่าเรา ไม่ใส่ใจ ไม่ใช่ไม่ใส่ใจนะ ไม่ใช่ว่าเพราะไม่ใส่ใจ ความทุกข์ถึงไม่เกิด ให้ เข้าไปรู้เลย อันไหนที่เราเคยทุกข์ แล้วเข้าไปรู้ในจิตเรา แล้วลองดูว่าใช้จิตที่ ว่างเข้าไปรับรู้แล้ว เขาจะเกิดทุกข์ไหม ? ตรงนี้คือการพิสูจน์ เป็นการรับรู้ ด้วยจิตที่ไม่มีตัวตน เนี่ย..ธรรมะเราพิสูจน์ได้อย่างนี้
เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการที่จะปฏิบัติ มีเป้าหมายเพื่อความสิ้นสุด อาสวกิเลส เพื่อมรรคผลนิพพาน การพิสูจน์รับรองตัวเองก็คือ ตอนนี้ แค่เราไม่มีตัวตน แยกรูปแยกนามได้ กิเลสยังเกิดไม่ได้ ไม่สามารถเกิดได้ แล้วถ้าเรามีความเพียรต่อเนื่อง กิเลสต่าง ๆ ของเราจะเป็นอย่างไร ? จะหา เจอไหม ? จะเกิดให้เห็นไหม ? หรือว่าลดลง นี่เป็นตัวพิสูจน์ ไม่ใช่ว่า เราสงบ แต่ดูข้างในมันยังมีอยู่ อันนี้เบาว่าง ยิ่งดูมันยิ่งว่างใช่ไหม ? ยิ่งดู ยิ่งว่าง เป็นเรื่องแปลก ไม่ใช่ยิ่งดูยิ่งมี เพราะฉะนั้นดูจิตในจิตตรงนี้.. จิตที่ บริสุทธิ์ก็ยังมีความบริสุทธิ์มากกว่านี้ รู้ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นการกาหนด เราปฏิบัติเนี่ย ยังดูต่อไปได้เรื่อย ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเราดูแค่จิตอย่างเดียว เราอาศัยดูจิตอย่าง เดียวอย่างนี้ได้ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นเอง พอสภาพจิตเราละเอียดมากขึ้น เราจะกาหนดอะไรไม่ถูก ก็จะมีปัญหาอีก เพราะฉะนั้นการกาหนดสภาวะ ต่าง ๆ จึงต้องอาศัยรูปด้วย รู้ว่ากาหนดลมหายใจ รู้ว่ากาหนดเวทนา รู้ว่ากาหนดความคิด รู้ว่ากาหนดการหยิบจับ การเดิน ตรงนี้..ให้รู้อาการ เหล่านี้ด้วย แล้วสติเราจะอยู่กับปัจจุบัน ถึงแม้ไม่มีตัวตน แต่ก็รู้ มีสภาวะ มีอารมณ์ให้เราตามรู้อยู่แล้ว รู้การเกิดดับ เพราะการที่เราจะเห็นอาการดับ ของจิตได้ชัดเจน เราต้องอาศัยอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง อย่างเช่นพอ เสียงดับ ดับปุ๊บชัดเจน เราก็จะเห็นด้วยว่าจิตที่เข้าไปรู้ดับ ? ไม่ดับ ? มันจะ ชัดเจน


































































































   306   307   308   309   310