Page 314 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 314

296
ถ้าอยู่แค่น้ี ก็พูดได้แค่น้ี กลับมาก็พูดตรงนี้แหละ พูดจนกว่าเราจะเกิดความ ชานาญ แล้วฟังแล้วปฏิบัติได้ ต้องปฏิบัติได้ พูดไปแล้วต้องทาได้ ถ้าทา ไม่ได้ ไม่เกิดประโยชน์ พูดแล้วต้องทาได้ ฟังแล้วต้องทาได้ด้วย พูดก็พูดไป อย่างน้ันแหละ แต่ฟังแล้วต้องทาได้ ต้องทาได้ เพราะฉะน้ันอุปสรรคต่าง ๆ สาหรับนักปฏิบัติ ถ้าเราเข้าใจแล้ว ต่อไปไม่มีแล้วนะ ไม่มีข้ออ้างเพราะว่า อย่างน้ันเพราะอย่างนี้ เลยไม่ได้กาหนด
จริง ๆ การเจริญสติ เป็นสิ่งที่ต้องทาเลย ไม่ว่าจะเป็นสภาวะอะไร เกิดขึ้นก็ตาม อารมณ์ใดเกิดขึ้นก็ตาม จาเป็นต้องมีสติกาหนดรู้ ดีไม่ดีเกิด ขึ้น ต้องมีสติกาหนดรู้ คาว่า “กาหนด” ก็คือรู้ชัดนั่นเอง ไม่ใช่ใช้คาบริกรรม ว่ารู้หนอ.. รู้หนอ..อันนั้นคือคาบริกรรม คาว่ากาหนดคือรู้ชัดในสิ่งที่เรา กาลังรู้อยู่ รู้ชัดว่าเป็นอย่างนี้อย่างนี้ อันนั้นคือการกาหนด ใส่ใจ รู้ให้ชัดเข้า ไปอีก ไม่ใช่แค่รู้อย่างเดียว
อาจารยห์ มดอะไรจะใหแ้ ลว้ อมื ..แตล่ ะคนภาชนะกวา้ งแลว้ ดจี งั เลยนี่ อย่างนี้ดี ถ้าเป็นอย่างนี้ อาจารย์ก็พอพูดได้ พูดเรื่อย ๆ ได้ แต่ว่าพออาจารย์ หมดอาจารย์ก็หมดนะ อาจารย์หมดนี่ก็คือไม่มีอะไร แต่ถ้ามีเหตุขึ้นมาอีก ก็พอต่อได้นิดหนึ่ง ด้วยเหตุด้วยปัจจัยที่มีให้พูด.. เป็นไง ? เข้าใจบ้างไหม ? เข้าใจขึ้นนะ ฟังแล้วรู้สึกเป็นไงจิตใจ ? ดีนะ แค่ดี แค่ดีก็ดีมากแล้วนะ รู้สึกอย่างไร ? ความรู้สึกเป็นอย่างไร ? ดียังไง ? รู้สึกสว่างขึ้น ใสขึ้น
สังเกตไหม.. เวลาเราฟังอะไรเข้าใจจิตเราจะสว่าง นั่น..บรรยากาศ ของความเข้าใจ บรรยากาศตรงนั้นเป็นตัวบอกว่าเราเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อะไรก็ตาม มันจะรู้สึกโล่งขึ้น เบาขึ้น ธรรมะก็เหมือนกัน ถ้าเราฟังเข้าใจ จะรู้ บรรยากาศของเรา สภาพจิตเราจะเบาขึ้น ใสขึ้น รูปก็เบาด้วย สังเกต ไหม พอฟังไปเรื่อย ๆ เนี่ย รูปเป็นไง ? สังเกตพอกลับมาดูที่ตัว โปร่ง ๆ โล่ง ๆ อันนั้นธรรมะชาระกาย ชาระจิตให้ผ่องใส ชาระกายให้เบาว่าง เพราะความรู้ความเข้าใจของเรา


































































































   312   313   314   315   316