Page 317 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 317
299
เขาแรงขึ้น เร็วขึ้น.. เร็วขึ้น.. ตรงนี้คือลักษณะสิ่งที่ต้องสังเกต คือสังเกต ในลักษณะอย่างนี้ แล้วจะบอกได้ว่าอาการเกิดดับนั้นเกิดดับเร็วขึ้น.. เร็วขึ้น.. หรือช้าลง..ช้าลง.. อันนี้จุดหนึ่งนะ ไม่ว่าจะเป็นอาการอะไรก็ตาม อันนี้ยกตัวอย่าง
เพราะฉะนั้นเวลาเมื่ออาการเต้นของหัวใจหมดไป สิ่งที่ต้องสังเกต ต่อซึ่งเราเจอกันอยู่ พอมันกลายเป็นความว่าง พอว่างเนี่ยว่างไปนาน ไหม ? อันนี้ต้องสังเกตนะ ตรงที่ความว่างเนี่ยมันเป็นความว่างที่สลัว ๆ หรือว่าสว่าง หรือว่านุ่ม ๆ นุ่มนวล อันนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือว่าใส หรือ มืด ๆ อันนี้ต้องสังเกตรู้ ส่วนมากเราจะบอกว่า พอว่างไปแล้วไม่มีอะไร เกิดขึ้นเลย หาอะไรไม่เจอ... หลังจากหาอะไรไม่เจอ ก็สังเกตว่าตรงที่หา อะไรไม่เจอนั้นเราหาอะไร ? ตรงที่หาอะไรไม่เจอเนี่ยหาอะไร ? ส่วนมาก เราจะไปหา เมื่อไหร่มันจะเกิดอย่างนี้อีก ?
ที่หาไม่เจอก็คือว่า อย่างเช่นถ้าเราตามอาการเต้นของหัวใจ ตอนแรก พออาการเต้นของหัวใจหายไป เราก็รออาการเต้นของหัวใจ เมื่อไหร่จะ เกิดอีก ? ที่จริงแล้วมันจะมีอาการใหม่ที่ปรากฏขึ้นมา อาจจะเป็นว่าพอว่าง อาจารย์จะให้สังเกตว่าความว่างนั้นมืดหรือสว่าง หรือเบา หรือสงบ หรือ ว่าสลัว ๆ หรือว่ารู้สึกโล่งไปเลย โล่งไปหมด ถ้าเป็นอย่างนี้เมื่อไหร่ ให้จิต เรานิ่งอยู่ตรงกลางความโล่งนั้น นิ่งตรงกลางความโล่ง ซึ่งความโล่งถึงจะ กว้างแค่ไหนก็ตามแต่ที่ชัดที่สุดคือบริเวณนี้..ข้างหน้าเรา ที่ชัดคือบริเวณ ข้างหน้าเรา หรือบริเวณประมาณนี้ ที่ตัวและก็ข้างหน้า พอเรานิ่งตรงนี้ ปุ๊บเนี่ย นิ่งแล้วก็คอยสังเกตว่าในความโล่งของเรา ในความว่างความโล่ง นั่นแหละมีอะไรปรากฏขึ้นมา ?
ตรงที่มีอะไรปรากฏขึ้นมา อารมณ์ที่ปรากฏขึ้น ก็อย่างที่บอกแล้ว นอกจากอาการของลมหายใจ การเต้นของหัวใจ อาจจะมีเป็นจุดเล็ก ๆ เกิดขึ้นในความว่างข้างหน้าเราที่เรามองไปประมาณนี้ ถ้าเรามองเพ่งตรงนี้