Page 345 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 345

327
กระเพื่อม ตัวเราจะไม่มีอาการกระเพื่อมไหว แต่พอนิ่งเข้าไป แล้วจะรู้สึก มันมีอาการ นิดหนึ่ง.. นิดหนึ่ง..ไปเรื่อย ถ้าเป็นอย่างนี้ เขาเรียกว่าจิตเรา จะเข้าสู่ปรมัตถ์แล้ว ตรงนั้นต้องนิ่ง สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ไป เรื่อย ๆ จากที่เขาค่อย ๆ กระเพื่อม.. กระเพื่อมมา แล้วดับยังไง ? กระเพื่อม มาแล้วหยุดนิดหนึ่ง แล้วค่อยกว้างออก หยุดนิดหนึ่ง แล้วค่อยกว้างออก หรือเปล่า ? สังเกตอย่างนี้ ตามจนเขาหมดไป จนอาการกระเพื่อมหยุดหรือ สิ้นสุดลง นี่คือตามอาการจนตลอด ตรงนี้เขาเรียกกาหนดอาการตั้งแต่ต้น จนตลอดในช่วงหนึ่ง ๆ
การกาหนดสภาวะให้ตลอดก็คือ ในช่วงหนึ่ง ๆ อย่างเช่นอาการ เกิดประมาณ ๑ นาที เราก็ดูตั้งแต่เริ่ม วินาทีแรกเป็นอย่างนี้ นาทีต่อไป วินาทีต่อไปเป็นอย่างนี้ พอเขาหายไป พอหายไป แล้วเขาโล่งไปเลย หรือว่า พอหายไปแล้วมีความสลัว ๆ เกิดขึ้นมาข้างหน้าแทน ตรงนี้สังเกตแบบนี้ พอสลัวขึ้นมา เราก็เอาจิตเข้าไปที่ความสลัว แล้วเขาเปลี่ยนยังไงต่อ ? เขา ค่อย ๆ กระจายออก หรือว่าเคลื่อนไป หรือว่ามีเงาเข้ามาแทน บางทีจะมีเงา ดา ๆ อย่างที่พูดเมื่อคืน มีแวบบาง ๆ เหมือนมีอะไรผ่านเข้ามา นั่นคือสภาวะ อย่างหนึ่ง อาการที่เราต้องรู้ เข้ามาแล้วหาย.. เข้ามาแล้วหาย.. ก็ตามตรงนี้ไป ไม่ใช่ไม่มีอะไร
คาว่า “ไม่มีอะไร” ที่กล่าวถึงตามสภาวะคือ ไม่มีอาการเหล่านี้เลย แม้แต่ความคิด แม้แต่เสียงที่รบกวน เหมือนกับนิ่งอยู่ในฌาน ไม่รับรู้อะไร เลยตรงนี้ อย่างนั้นถึงเรียกว่าไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าไม่มีความคิด แต่มีอาการ เหล่านี้เกิดขึ้น เรียกว่ายังมีสภาวะอยู่ มีอารมณ์ให้เรากาหนดอยู่ เพราะฉะนั้น ต้องรู้ต่อไปเรื่อย ๆ ตามรู้จนอาการนั้นสิ้นสุดลง อันนี้คือหลักสาคัญ เพราะว่า สภาวะของแต่ละคนพอถึงจุดนี้แล้ว ก็จะกาหนดไม่ถูก เหมือนไม่มีอะไร
อีกจุดหนึ่งนะ ถ้ากาหนดอย่างนี้ไม่ได้จริง ๆ พูดเผื่ออีกแล้ว ! ทาไม อาจารย์ต้องบอกว่าพูดเผื่ออีกแล้ว ? เพราะว่าจะมีปัญหา นักปฏิบัติจะมี


































































































   343   344   345   346   347