Page 352 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 352

334
ทุกครั้งเวลานักปฏิบัติกาหนดอารมณ์ ต้องรู้ชัดว่าขณะนี้เราตามกาหนด อะไรอยู่ รู้อะไรอยู่ อารมณ์หลักคืออะไร ตรงนี้เราจะมีเหตุมีผลและชัดเจน ว่า เราทายังไง ผลเป็นอย่างไร อาการเหล่านั้นแสดงลักษณะอาการพระ ไตรลักษณ์ เห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีลักษณะอย่างไร
ส่วนมากอาจารย์จะถามนะ อาการเกิดดับนั้นเกิดดับในลักษณะ อย่างไร ? ตรงนี้เป็นคาถามที่นักปฏิบัติต้องตอบ อย่างเช่น เกิดดับแบบ ค่อย ๆ ขึ้นมาแล้วหายไป ขึ้นมาแล้วค่อย ๆ จางหายไป ในลักษณะที่เกิดขึ้น แล้วก็แตกกระจายไป หรือเกิดขึ้นแล้วก็มีอาการแวบ ๆ.. แป๊บ ๆ ๆ.. แล้วก็ หมดไป เกิดดับในลักษณะที่เป็นขณะ ๆ ๆ แล้วก็ดับไป จึงบอกเกิดดับ ในลักษณะอย่างไร หรือ แวบหาย.. แวบหาย.. นั่นคือลักษณะอาการเกิดดับ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป อีกอย่างหนึ่ง พูดซ้า พูดซ้าอีกแล้ว.. พอจะพูดมี สัญญาขึ้นมา คานี้พูดไปแล้ว ก็คือว่าขณะที่เราเห็นอาการเกิดดับขณะที่ เรากาหนด ไม่ว่าจะเป็นขณะเดินหรือขณะนั่งก็ตาม ขณะที่มีอาการเกิดดับ ไปเรื่อย ๆ ต้องสังเกตด้วยว่าสภาพจิตเราเป็นยังไง ยิ่งเห็นอาการเกิดดับ ไปนั้น จิตใจเรารู้สึกอย่างไร ? นิ่งขึ้น ใสขึ้น มั่นคงขึ้น สว่างขึ้น เบาขึ้น ตรงนี้จะรู้สึกได้อยู่แล้ว เหมือนเราทานข้าว ทานข้าวรสชาติของอาหารอร่อย ด้วยไหม ? พอทานไปสักพักท้องเริ่มตึง เรารู้ได้นะ ไม่ใช่รู้แค่รสอร่อย อย่างเดียว พอสักพักพอมันอิ่ม ก็จะรู้สึกมันแน่น ๆ แล้วนะเริ่มแน่น ตรงนี้ ก็เหมือนกัน จิตเราก็เหมือนกัน
ขณะที่เราเห็นอาการเกิดดับ เราจะรู้สึกได้เลยว่าจิตเรายิ่งนิ่งขึ้น เบาขึ้น ใสขึ้น ตื่นตัวขึ้น อันนี้รู้สึกได้แน่นอน ตรงนี้รู้สึกได้ อีกอย่าง.. อืมม..ข้ามขั้นตอน ข้ามขั้นตอนอีกแล้ว พูดเผื่อตั้งหลายปี เมื่อคืนพูดเผื่อ เอาไว้ตั้ง ๑๐ ปี โยมกลัวเลยนะ นานเกิน ไม่หรอกพูดเผื่อ อาจารย์พูดไป อย่างนั้นแหละ ถ้าใครขยันก็.. จากหลายปีก็จะเหลือแค่ไม่กี่เดือน ไม่กี่วัน หรือไม่กี่อาทิตย์ เข้าถึงได้ ไปถึงได้ พูดเผื่อเอาไว้ เห็นไหมอาจารย์พูด


































































































   350   351   352   353   354