Page 355 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 355

337
จิตเราสงบไหม ?
ถ้าสงบอยู่ เราไม่ต้องกังวลอะไร ให้ดูว่าเกิดขึ้นแล้วก็หายยังไง พอสติ
เราเข้าไปกาหนดรู้ เขาดับยังไง ? ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เรื่องส่วนตัวเรานะ แต่อย่าไปปล่อยให้คนอื่นด้วย อันนั้นตัวตนเกิด รู้สึกจิตใจตัวเองหดหู่ แล้วก็เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด อันนั้นไม่ดี ให้ชัดอยู่ในความรู้สึกเรา ชัดอยู่ในความรู้สึก ไม่ใช่ระบายออกข้างนอก ชัดอยู่ในใจเงียบ ๆ แล้วก็ กาหนดไปว่าเกิดแล้วดับยังไง นั่นล่ะเป็นสิ่งที่ต้องรู้ อันนี้สภาวะเหล่านี้จะ เกิดนะ พูดเนี่ยเป็นสิ่งที่เขาต้องเกิด แต่จะเกิดตอนไหน อยู่ที่นักปฏิบัติ ว่าจะไปเจอตอนไหน อยู่ที่การปฏิบัติของเราว่าจะไปเจอตอนไหน อาจจะใช้ เวลาสักหน่อยหนึ่ง สักหน่อยหนึ่ง.. ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมงอันนี้หลาย วันแล้วนะ
อันนี้คือสภาวะที่เขาต้องเกิด เพราะฉะนั้นนี่ทุก ๆ อาการ ทุก ๆ อารมณ์ ทุกสภาวะที่เกิดขึ้น หน้าที่ของนักปฏิบัติคือมีสติกาหนดรู้การ เกิดดับ การเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นทางกาย เป็นอาการของรูปหรือนาม มีอาการของรูปนาม ต้องกาหนดควบคู่กันอยู่แล้ว ต้องควบคู่กันไปเสมอ ถึงจะเห็นชัด ถึงจะรู้ชัด เห็นกายก็เห็นจิต เห็นจิตก็เห็นกาย เห็นจิตรู้กาย ว่าเป็นยังไง เห็นจิตเบากายเป็นยังไง กายรู้สึกเบา กายโล่ง กายโปร่ง กายว่าง ด้วยหรือเปล่า ? เนี่ย..เห็นจิตก็ดูกาย เห็นกายก็ดูจิต กายหนัก ๆ แล้วจิต เป็นอย่างไร ? บางครั้งเราเห็นกายก่อน รู้สึกกายเบา แล้วจิตเราเป็นยังไง ? จิตเบาไหม ? จิตกว้าง จิตโล่ง จิตโปร่ง จิตสงบ หรือเฉย ๆ ว่าง ๆ ? ตรงนี้ ให้รู้ชัด การดูจิตในจิตไม่ใช่ดูแค่เรื่องที่คิด หรือความคิดที่เกิดขึ้น ต้องดู ลักษณะของจิตที่เป็นอยู่จริง ๆ
อยา่ งเชน่ วหิ ารธรรมทเี่ ราอยเู่ นยี่ ถามวา่ เราอยทู่ ไี่ หน ? อยดู่ ว้ ยธรรมะ ข้อไหน ? ถ้าอยู่ด้วยธรรมะข้อไหนอันนี้แล้วแต่ แต่ละคน เราจะอยู่ด้วยขันติ อยู่ด้วยเมตตา อยู่ด้วยจาคะ ตรงนี้ แต่ถ้าเราดูบรรยากาศของสภาพจิต


































































































   353   354   355   356   357