Page 357 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 357
339
พลังก็จะเข้ามา ถ้าเป็นความสุข พลังที่เข้ามาถ้าอยากให้มีความสุข ก็เอาจิต ที่สุขไปนิ่ง เอาความสุขนิ่ง ๆ แล้วให้พลังผ่านความสุขเข้ามา ความสุขก็เกิด แล้ว สมัยก่อนเนี่ยอาจารย์สอนพลัง อันนี้ไม่ง่ายหรอก ตั้งนานกว่าจะสอน เรื่องพลังได้ เดี๋ยวนี้ก็เลยลัดขั้นตอน แสดงว่าแต่ละคนมีความสามารถ ที่จะทาได้ เลยลัดขั้นตอนได้ แต่ไม่ใช่ว่าเจริญพลัง เอาพลังไปทาอะไร ? บอกไม่ถูก
พลังอันนี้เป็นไปเพื่อการมีพลังมากขึ้น เอาพลังเนี่ยมาเจริญสติ มากาหนดอาการเกิดดับ มาพัฒนาจิตตัวเอง มาพัฒนาการปฏิบัติให้ก้าวหน้า ยิ่ง ๆ ขึ้น ไม่ใช่เอาพลังนี่ไปขยายไปโน่น เลยเล่นอย่างเดียว ขยายพลัง ให้คนนั้นให้คนนี้มีความสุข ปลื้ม.. มีความสุข ดีจังเลย แต่ไม่ได้พัฒนา สภาพจิต หรือไม่ได้เอามากาหนดรู้อาการพระไตรลักษณ์ พัฒนาการ ปฏิบัติของตัวเอง เดี๋ยวก็ติดอยู่ตรงนั้นแหละ เพราะฉะนั้นการเจริญพลัง ฝึกจิตของเรา พอสงบก็มีพลัง ต้องเอาพลังตรงนั้นมากาหนดรู้อาการเกิด ดับของรูปนาม เอามาใช้ในการปฏิบัติธรรม ไม่งั้นเราก็จะวนอยู่ตรงนี้ เข้าใจ แล้วนะ ?
หลัก ๆ อาจารย์พูดมา ๓ วัน เท่ากับพูดอยู่ที่สานักเป็นปี อยู่ที่สานัก เนี่ย ส่วนมากพอสอบอารมณ์เสร็จก็กลับไป ไม่ค่อยได้รวมกันอย่างนี้ เพราะ ต่างคนต่างมา ต่างคนก็ต่างไป พอสอบอารมณ์เสร็จ ถ้าไม่มีคาถามก็จบ ถ้าใครมีคาถามก็จะอธิบายให้ฟัง ต้องถามคนที่เคยไปนะ เนี่ย..โยมโป่ง เคยไป สอบอารมณ์เสร็จก็ต่างคนต่างไป ถ้ามาอย่างนี้จะได้ฟังมากกว่า แต่ก็อีกอย่างหนึ่งที่พูดแล้วเมื่อวาน การปฏิบัติก็คือต้องเอาจริงเอาจัง ถ้า ไม่พูดไม่คุยก็คือไม่คุย เดินจงกรม.. ไม่คุยกันตอนที่เดิน ก็คือเดินจงกรม เดินจริง ๆ ถ้านั่งคุยกันเนี่ย ถ้าไม่จาเป็นให้น้อยที่สุด เพราะการสนทนา การพูดคุยจะทาให้สติเราหลุดบ่อย คุยเรื่องที่ถูกใจ เราก็จะเพลินไป ไอ้ที่ ไม่ถูกใจก็จะหงุดหงิด หวั่น ๆ แล้วนะ ก็นั่นแหละ.. จะรบกวน แต่ถ้าไม่