Page 358 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 358

340
จาเป็นนะ สมัยก่อนต่างคนต่างปฏิบัติ ถ้าคุยกันก็คุยเรื่องธรรมะนิดหน่อย ปฏิบัติแล้วรู้สึกดียังไง แล้วก็แยก ห้ามคลุกคลี เพราะการคลุกคลีทาให้สติ เราอ่อน สมาธิเราไม่อยู่ จิตเราจะตกได้ง่าย ตรงนั้นแหละ คลุกคลีน้อยที่สุด
อีกอย่างหนึ่งถ้าจาเป็นต้องสนทนากันให้มีบรรยากาศรองรับ ให้พูด ผ่านบรรยากาศของตัวเอง พูดผ่านความว่างของตัวเอง มีความว่างห่อหุ้ม ตัวเราอยู่ ความว่างของเรานะ ห่อหุ้มแล้วก็คุยผ่านความว่าง ขณะที่คุยผ่าน ความว่างเนี่ย เราก็สังเกตคาพูดของเราด้วย แต่ละคาเกิดขึ้นแล้วดับยังไง ถามว่าคุยอย่างนั้นจะออกรสไหม ? ไม่ออกรสนั่นแหละจะได้คุยไม่นาน ใช่ไหม ? ถ้าออกรสแล้วคุยกันนาน ถามว่าคุยรู้เรื่องไหม ? รู้เรื่อง แล้วจะรู้ ด้วยว่าคุยเฉพาะจาเป็นในเรื่องที่ต้องคุย พอคุยไป.. อันไหนไม่จาเป็น ไม่ต้องคุยหรอกตรงนั้น แต่นี่ว่าเราสบายเกิน สบาย.. ปฏิบัติสบาย
มีโยมคนหนึ่ง ลูกศิษย์น่ะ เขาปฏิบัติมา เมื่อก่อนจะเคร่งครัด แล้วก็ใช้วิธีที่ยาก ยังยากกว่านี้เยอะวิธีปฏิบัติเมื่อก่อนยังยากกว่านี้เยอะ จนรู้สึก ถามว่าอาจารย์ต่อไปนี้เนี่ย โยคีนักปฏิบัติใหม่แสดงว่าต้องปฏิบัติ ได้เร็วกว่าพวกเราเมื่อก่อนใช่ไหม ? ไม่แน่หรอก พอวิธีปฏิบัติง่ายขึ้น เราก็ ขี้เกียจมากขึ้น ขี้เกียจขึ้นด้วย ความเพียรลดลง เมื่อก่อนทุกวันเช้าเย็น เช้าเย็น แต่พอตอนหลังง่ายขึ้นเนี่ย ตอนเช้าก็หาย ตอนเย็นก็หาย ตอนเช้า โผล่มา ตอนเย็นหาย ตอนเย็นมา เช้าหาย กลายเป็นช้า ถ้าเพียรเท่าเดิม ยังไงก็เร็ว แต่พอสะดวกขึ้น ความเพียรลดลง ก็ช้าเหมือนเดิมแต่ถ้าเรา เพียรเท่าเดิม แล้ววิธีปฏิบัติเร็วขึ้นง่ายขึ้น การปฏิบัติเราไปเร็วแน่นอน ถ้าเราปฏิบัติทั้งวันทั้งคืน ตรงนี้วันหนึ่งปฏิบัติไม่กี่ชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง ก่อนนอน น้อยลง ก็เป็นไปตามสมควรแก่การปฏิบัติ ใช่ไหม ? นี่แหละเป็น ไปตามกรรม เป็นไปสมควรแก่การปฏิบัติ
เห็นไหมแค่สามวันเนี่ย พอเราปฏิบัติต่อเนื่อง เราฟังต่อเนื่อง สังเกต ไหมสภาพจิตเป็นไง ? เปลี่ยน สภาวะเราเปลี่ยนไป ก้าวหน้าขึ้นเยอะ


































































































   356   357   358   359   360