Page 380 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 380

362
ก็ปรุงแต่ง คิดต่อ คิดเป็นสิ่งที่ดีนะ จิตตสังขารมี ๒ อย่าง สังขารที่เป็นบุญ หรือเป็นบาป ความคิดที่สร้างสรรค์หรือความคิดที่ทาลาย ถ้าเราจาเป็นต้อง ใช้ต้องอาศัยสังขาร ควรจะเป็นปุญญาภิสังขาร สังขารที่เป็นบุญ เป็นความ คิดที่สร้างสรรค์ คิดให้จิตเรามีกาลังมากขึ้น ให้จิตผ่อนคลายหรือคิดใน เรื่องที่เราจะปล่อยวางได้ง่ายขึ้น เพื่อไม่จิตเราตกหรือเป็นทุกข์อยู่นาน ถ้า ต้องการพ้นทุกข์ งั้นเรามองในแง่ดี เป็นวิบากกรรม เป็นกรรม เป็นกรรมของ เรา เป็นเพราะเขาไม่รู้ คนเราเกิดมามีเจ้าเวรนายกรรมก็อย่างนี้แหละ ไม่รู้ว่า ชาติไหนสร้างเอาไว้ ชาตินี้เกิดมาเจอแต่เจ้าเวรนายกรรม
เจ้าเวรนายกรรมที่ส่งผลกับเราที่สุดก็คือคนที่เราสัมผัส อยู่ด้วย... คนใกล้ อันนี้แหละที่ส่งผลให้เราเป็นทุกข์มากที่สุด สัมผัสได้ รับรู้ได้เกี่ยวข้อง กัน สิ่งที่เรามองไม่เห็นเราไม่รู้หรอก แต่ที่ทุกข์แน่ ๆ คือสิ่งนี้ บุคคลที่เรา สัมผัสได้ รู้ได้ นั่นแหละที่ทาให้เราทุกข์มาก อย่างกับลูกเนี่ยอยู่ใกล้เรา ถ้า เกิดไม่ดี ทุกข์มาก ๆ มีผลมาก มีผลกับเรามาก ลูกคนอื่นไม่เท่าไหร่ ถ้า เป็นลูกเรา.. ใช่ไหม ? นั่นแหละเจ้าเวรนายกรรม จริง ๆ ที่เราเห็นใกล้ตัว อาศัยการเกิดขึ้น อาศัยการสร้างกรรม แล้วเป็นไปตามกรรม ไปด้วยกรรม ของเรา งั้นวิธีก็คือ อย่างที่บอกแล้ว เมื่อเราแยกรูปนามได้ เมื่อไหร่ที่เราแยก รูปนามได้ เห็นกายกับจิตแยกจากกัน ทุกอย่างถูกตัด จะหยุดชั่วขณะหนึ่ง ความทุกข์ก็หายไป นี่คือการตัดกรรมชั่วขณะหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งนะ เราทาใจให้ว่างได้ใช่ไหม ? ลองอีกนิดหนึ่ง ทาจิตให้ ว่างได้แล้ว ต่อไปวิธีเติมความสุขให้ตัวเอง ทุกคนเคยเจอความสุขด้วยกัน ทั้งนั้น ให้เอาใจที่ว่าง ๆ มาใส่ที่นี่.. บริเวณหทยวัตถุ บริเวณหัวใจของเรา แล้วเติมความอ่อนโยน ความนิ่มนวลเข้าไปในใจที่ว่าง ๆ ของตัวเอง เพิ่ม ความอ่อนโยนนิ่มนวลเข้าไปในใจที่ว่าง ๆ ให้เต็ม ลองดูว่ารู้สึกยังไง ? ได้นะ ? แล้วก็ให้ความอ่อนโยนนิ่มนวลเต็มความว่างแล้วขยายให้คลุมตัว ให้กว้าง ออกไปไม่มีขอบเขต ตรงนี้เราเติมความสุขให้ตัวเราได้แล้ว ต่อไปเวลาเราแผ่


































































































   378   379   380   381   382