Page 402 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 402

384
เห็นชัด เห็นการแยกรูปนาม ให้เป็นสมุจเฉท ใครบอกว่ารูปนามเป็นอัน เดียวกันนั้น เป็นไปไม่ได้ ปัญญาเกิดขึ้นแล้ว รู้แล้ว เห็นชัดแล้ว จะให้กลับ ไปเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ถ้าเป็นความเชื่อ เป็นความเข้าใจ เราก็จะไม่ชัด ไม่ แน่นอน แต่ถ้าเป็นการเห็น เห็นด้วยตาปัญญา เห็นด้วยตัวของเราจริง ๆ เราจะมั่นใจในสภาวะที่เกิดขึ้น ในสิ่งที่เราเห็น ว่าเป็นอย่างไร มีผลกับจิต เราอย่างไร อันนี้เป็นสิ่งสาคัญ เพราะการพัฒนาจิต การฝึกจิต ก็ต้องส่งผล ที่จิต
ฝึกจิตส่งผลที่จิต จิตที่ดีก็ส่งผลที่รูป จิตที่ดีหรือไม่ดีก็แสดงออก ทางรูป แสดงออกทางกาย เมื่อเราฝึกจิตเราก่อน เราก็ต้องรู้ว่าจิตเป็น อย่างไร ถ้าฝึกจิต ไม่รู้ว่าจิตเป็นอย่างไร จิตมีลักษณะอย่างไร เราก็ฝึกยาก ฝึกไม่ถูกว่าจิตอยู่ที่ไหน ตอนนี้จิตอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าคิด รู้แต่ว่าทา เราก็เลย ไม่สามารถที่จะกาหนดจิตเราได้ว่า ให้จิตเราอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร นั่นคือ การฝึกจิตเรา เพื่อที่จะเอาจิตที่ดี ๆ มาใช้งานได้
อยากให้จิตที่ดีเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็เกิด จิตที่ไม่ดีเกิดขึ้น เราก็สามารถ ดับได้ จิตที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น ก็ดับได้ จิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้น ทาให้เจริญต่อ ได้ แต่ไม่ใช่บังคับ เพียงแต่เรากาหนดรู้ รู้ชัดในปัจจุบัน รู้ชัดถึงอาการที่ เกิดขึ้น รู้ถึงการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้การเปลี่ยนแปลง ให้ต่อเนื่องไป เรื่อย ๆ เรียกว่าตามรู้ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้อาการพระไตรลักษณ์ รู้ถึงความไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือรู้ถึงธรรมชาติของรูปนามที่มี การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ที่เรียกว่า “สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ”
นี่แหละการรู้อารมณ์ภายนอก การรู้เสียงรถ เสียงคน ต้นไม้ ถ้าเรารู้ อย่างนั้น จิตยังเหมือนเดิม เราก็ไม่ได้พัฒนาจิตเรา แต่ถ้ารู้ที่จิตของเรา เรา พัฒนาจิตเรา ดูว่ารูปนามอันนี้เป็นอย่างไร เกิดดับอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลง ในลักษณะอย่างไร การที่รู้การเกิดดับการเปลี่ยนแปลงของรูปนาม ที่เป็น


































































































   400   401   402   403   404