Page 410 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 410

392
อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น คนเราถ้าไม่มีความคิดเลย ก็เป็นไปได้ยาก เว้นแต่หลับ ขนาดหลับยังฝันเลยนะ ยังคิดโน่น คิดนี่ ยังเก็บไปฝันต่อ
เพราะฉะนั้น เราไม่ห้าม แต่ให้กาหนดรู้ถึงอาการเกิดดับของความ คิดนั้น “สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง” พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้น แต่ เราก็พยายามปฏิเสธ อย่าเกิดนะ อย่ามีนะ อย่าเข้ามานะ อย่ารบกวนนะ พระพุทธเจ้าไม่ให้เข้าไปยึดติด แต่ให้กาหนดรู้ถึงอาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับ ไป ธรรมทั้งหลายทั้งปวงตั้งอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้... เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป
แค่เรามี “เจตนา” หรือ “พอใจ” ที่จะไปรู้อาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ ดับไปของเขาเท่านั้นเอง ต้องมี “เจตนา” นะ รู้ชัดว่า “เข้ามา” แบบนี้ “ดับ” แบบนี้... มาแล้วค่อย ๆ จางหายไป หรือว่าพอมีสติรู้ แล้วเขาดับหายทันที แวบหายไปทันที หรือว่าเข้ามา พอเอาสติเข้าไปกาหนดรู้ แล้วก็แตกไป กระจายไป หรือมีสติเข้าไปกาหนดรู้ มีอาการเลือนไป หายไป... ลองดูนะ ใช้ เวลาสัก ๓๐ นาที เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังนะ ถ้าสงสัยให้ถาม หลังจากนั้นมา สนทนา ใครไม่เข้าใจ หรือเห็นสภาวะอะไรเกิดขึ้นไม่เข้าใจ ก็ถาม จะได้เข้าใจ ลองดูว่าปฏิบัติแล้วมีสภาวะอะไรเกิดขึ้น
จาไว้อย่างหนึ่งว่า ขณะที่เราปฏิบัติ เรานั่งสมาธิ เราจะ “ไม่ปฏิเสธ อารมณ์” แต่จะ “ไม่คล้อยตามอารมณ์” ไม่ปฏิเสธ ไม่คล้อยตาม ให้มี “สติ” กาหนดรู้ถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น กาหนดรู้อาการเกิดดับของอารมณ์เหล่านั้น ใครที่ยกจิตขึ้นสู่ความว่างได้ ก็ ยกจิตขึ้นสู่ความว่างได้เลย ทาจิตให้ว่าง ให้โล่ง โปร่ง เบา แล้วเอาความ ว่างคลุมตัว ห่อหุ้มตัว แล้วนิ่งในความว่าง พร้อมกับพิจารณาอาการของ ลมหายใจ หรือพองยุบ
ถ้าฝึกพองยุบ ก็เริ่มจากพองยุบไป ที่จริงเรา “ไม่ต้องบังคับ” เวลา เรานั่งหลับตา หายใจเข้าออก บางคนจะชัดที่อาการเคลื่อนไหวที่ท้อง ตรงนั้น


































































































   408   409   410   411   412