Page 415 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 415
397
อันนี้ ถึงแม้รู้ว่าไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของเรา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป แต่ไฉน ใจเราถึงยังต้องทุกข์อยู่กับรูปนามอันนี้ ? เพราะเรารู้ เราเข้าใจ แต่ถ้ายัง “เข้า ไม่ถึง” การคลายอุปาทานก็ยังช้า อาจจะทุเลาได้บ้าง บรรเทาได้บ้าง แต่ก็ ยังช้า แต่ถ้าเราเห็นชัด รู้ชัดถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของรูปนามจริง ๆ จิต เรา จะคลายจากอุปาทานโดยอัตโนมัติ จิตจะไม่เข้าไปยึดติดรูปนามขันธ์ ๕ เป็นแต่เพียงผู้กาหนดรู้ เป็นผู้ดู รู้ถึงอาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของขันธ์ ๕ ในแต่ละขณะ แต่ละขณะ แต่ละขันธ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
ขันธ์ทั้ง ๕ เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไป มีแล้วหายไป เรามีสติกาหนดรู้ ถึงอาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเท่านั้น นั่นคือ “เป้าหมาย” ที่ต้องกาหนดรู้ถึง อาการเกิดดับของรูปนาม ขันธ์ ๕ เพื่อที่จะละ เพื่อที่จะคลายอุปาทาน จาก การยึดมั่นถือมั่นในรูปนามขันธ์ ๕ เพื่อความดับทุกข์ เพราะฉะนั้น นักปฏิบัติ จึงต้องมีสติรู้อยู่กับปัจจุบันจริง ๆ ดูปัจจุบัน ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ว่าอารมณ์ที่ เรากาลังตามกาหนดรู้อยู่นั้น มีการเกิดดับในลักษณะอย่างไร มีการเปลี่ยน แปลงในลักษณะอย่างไร
บางท่านอาจจะปฏิบัติมาสักพักแล้ว สมาธิมีแล้ว สมาธิดี พอนั่ง หลับตา ลมหายใจก็ไม่มี หาลมหายใจไม่เจอ มีแต่ว่าง ๆ อย่างเดียว เพราะ ฉะนนั้ ไมต่ อ้ งไปบงั คบั ลมหายใจ ถา้ เปน็ อยา่ งนนั้ ให้ “นงิ่ ” ในความวา่ ง สงั เกต ในความว่างนั้นมีอะไรเกิดขึ้น ? ในความว่างก็จะมีสภาวะอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้น อาจจะเป็นแสงเล็ก ๆ เป็นจุดเล็ก ๆ มีอาการเคลื่อนไหว หรือมี ความสว่างเกิดขึ้น นั่นแหละสภาวะที่ต้องกาหนดรู้ ให้รู้อารมณ์ที่ปรากฏชัด เฉพาะหน้าขณะนั้นจริงๆ ว่าเขาเกิดขึ้นมาแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิด ดับในลักษณะอย่างไร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ในลักษณะอย่างไร
ไม่เห็นตอนดับ ก็เห็นตอนเกิด ไม่เห็นตอนเกิด แล้วเห็นตอนดับ ไหม ? หรือเห็นตอนที่ตั้งอยู่อย่างเดียว ? รู้ว่ามี พอรู้ หายไปแล้ว อยู่ ๆ ก็เกิด