Page 423 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 423
405
โทสะ อันนี้เป็นโมหะ แต่กิเลสละเอียดเราจะรู้ได้ยาก แต่การกาหนดรู้ถึง อาการเกิดดับของรูปนาม มีสติรู้อยู่กับปัจจุบันที่กาลังเป็นอยู่ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ เราไม่ต้องรอให้กิเลสเกิดก่อน เราขัดเกลาจิตใจของเราไปเรื่อย ๆ ให้บริสุทธิ์ ให้สะอาดยิ่งขึ้น เมื่อจิตเราเบา บาง บริสุทธิ์ ผ่องใสขึ้น เมื่อกิเลสเกิดขึ้น เรา ก็จะเห็นได้ง่าย
ถ้าจิตเราใส กิเลสที่เบาบาง เราก็จะเห็นได้ง่าย แต่ถ้าจิตเราไม่ใส ถึง แม้กิเลสที่เกิดข้ึนจะหยาบ จะหนักอย่างไร เราก็ยังเห็นได้ยาก จิตที่ขุ่นมัว ไม่ ผ่องใส ก็เหมือนน้าที่ขุ่น ๆ ไม่สามารถมองเห็นอะไรอยู่ใต้น้าได้ แต่ถ้าจิตเรา ผ่องใสเหมือนน้าใส อะไรที่ตกลงไปในน้า หรือตะกอนต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้น มา ก็จะเห็นได้ชัด ถึงแม้ตะกอนนั้นจะมีน้อย การปฏิบัติวิปัสสนา การเจริญ สติ พิจารณากาหนดรู้ลมหายใจเข้าออก กาหนดรู้เวทนา กาหนดรู้ความคิด กาหนดรู้อาการเกิดดับของอารมณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฎเกิดขึ้นต่อหน้าเรา ขณะน้ี เดี๋ยวนี้ จึงเป็นการขัดเกลาจิตใจไปในตัว ทาให้จิตเราผ่องใส เบิกบาน สติยิ่ง มีกาลัง จิตยิ่งตื่นตัว เมื่อจิตตื่นตัว จิตก็ยิ่งผ่องใส เมื่อจิตผ่องใส จิตใจก็ เบิกบานไปในตัว
ฉะนั้น การปฏิบัติธรรมจึงเน้นที่มีสติรู้อยู่กับอารมณ์ที่เกิดขึ้น ปัจจุบัน โดยที่เราไม่ต้องหาอารมณ์ภายนอก ที่เป็นหลัก ๆ ให้เราได้ตามรู้ อย่างที่บอกแล้วก็คือ อาการของลมหายใจ เวทนา ความปวด แล้วก็ความ คิด หรือ สี แสงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเราขณะนี้ เดี๋ยวนี้ นี่คือสภาวธรรม ที่เราไม่ต้องไปแสวงหา ด้วยอานาจของสมาธิของเรา ด้วยอานุภาพของสติ ของเรา สภาวธรรมเหล่านั้นเขาจะปรากฏขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีอยู่แล้ว เราจะเห็นได้ “ชัด” มากขึ้น
เพราะฉะนั้น หน้าที่ของนักปฏิบัติ จึงต้องตามกาหนดรู้ อยู่กับ อารมณ์ปัจจุบันให้มาก การเจริญสติรู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบันที่กาลังเกิดขึ้น รู้อยู่กับลมหายใจที่กาลังเปลี่ยนแปลง การมีสติอยู่กับปัจจุบันได้ต่อเนื่อง ได้