Page 442 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 442
424
เพราะฉะนั้น เวลาเรานั่งกาหนดสภาวะ กาหนดอารมณ์ที่เกิดขึ้น ข้างหน้าเรา ต้องพิจารณารู้ถึงรายละเอียดของอาการเกิดดับนั้น คาว่า “ราย ละเอียด” อาจจะไม่ใช่บาง ๆ แต่มีมากมาย ความแตกต่างของอาการ เกิดดับในแต่ละขณะนั่นแหละ เป็นรายละเอียดของสภาวะ ไม่ว่าจะเป็น อาการเกิดดับแบบถี่ ๆ เร็ว ๆ หรือแตกกระจาย หรือเป็นก้อน แล้วหายไป หรือเป็นคลื่นแล้วหายไป ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ให้เรารู้ชัดในสิ่งที่เขาเป็น และให้รู้ไว้อย่างหนึ่งว่า นอกจากที่เราเห็นอยู่ตรงนี้เป็นอย่างนี้แล้ว ถ้าสติเรา มากขึ้น เราตั้งใจมากขึ้น ในนั้นยังมีอะไรที่พิเศษออกไปอีก เพราะฉะนั้น ให้ เราตั้งใจ
เมื่อมีสภาวะอะไรเกิดขึ้น ให้เอาจิตเราเข้าไปรู้ใกล้ ๆ อีก หรือเข้าไป แตะ เข้าไปชน แล้วเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร ? เขาเกิดดับยังไง ? การกาหนด ลมหายใจก็เช่นเดียวกัน ขณะที่หายใจเข้าหายใจออก เวลาหายใจเข้าไปแต่ละ ครั้ง ลมหายใจเป็นเส้นเข้าไป หรือเป็นคลื่นเข้าไป หรือมีอาการกระเพื่อม ๆ หรือเป็นกลุ่มเข้าไป ? พอลมหายใจเข้าไปสุดถึงท้อง พอสุดปุ๊บ ขณะที่ออกมา เขาออกมาแบบค่อย ๆ ออก หรือฟึดออกมาทีเดียว ? สังเกตการเปลี่ยนแปลง ของลมหายใจ ในลมหายใจนั้นยังมีอะไรให้เราดูอีกเยอะ
หรือว่าขณะที่ตามรู้อยู่ ลมหายใจขาดเป็นช่วง ๆ เหมือนจุดไข่ปลา หรือว่าเป็นคลื่นไป เป็นเส้นไป อันนี้ก็สังเกตในลักษณะเดียวกัน หมายถึงว่ามี “เจตนา” ที่จะไปรู้อาการเกิดดับ การเปลี่ยนแปลง ไปรู้อาการพระไตรลักษณ์ ถ้าเรามีเจตนาที่จะรู้อย่างนี้ สติเราจะอยู่กับปัจจุบันได้นาน ได้ต่อเนื่อง ไม่ว่า จะเป็นความร้อนความเย็นที่เกิดขึ้น กระทบทางผิวกาย หรือเกิดขึ้นภายใน ร่างกายของเรา เขาเรียกว่า “เกิดในรูป” รู้สึกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่งตึง ไม่ ว่าจะเป็นสภาวะไหนก็ตามเกิดขึ้น ให้เอาจิตหรือความรู้สึกเข้าไปรู้ ดูเขา เปลี่ยน ดูการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปของเขา เกิดแล้วหายไปอย่างไร เกิด แล้วมีการเปลี่ยนอย่างไร เกิดแล้วตั้งอยู่อย่างนั้น หรือว่าเป็นอย่างไร