Page 457 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 457
439
ลองดูนะ ขณะที่ไม่บอกว่าเป็นเรา ตัวนี้รู้สึกเป็นไง ? หนัก เบา หนา ทึบ หรือโปร่ง ๆ ? ตัวที่เบา ๆ นี่ เขามีรูปร่างหรือแค่รู้สึกบาง ๆ ? ไม่ต้อง รีบนะ สบาย ๆ พิจารณาดี ๆ ตรงนี้เขาเรียก “พิจารณาดูความจริงของรูป” ที่พระพุทธเจ้าบอก “ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา” แล้วมันเป็นยังไง ? ถ้าเห็นว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา แล้วจิตใจเป็นยังไง ? ไม่ใช่แค่ “รู้” ว่าไม่ใช่ เรา แล้วก็เฉย ๆ ถ้าเห็นว่าเขาไม่บอกว่าเป็นเรา ลองดูว่าใจรู้สึกเป็นยังไง ? ละเอียดขึ้นนะ
(โยคีกราบเรียนว่า ตัวเบา ๆ ลอย ๆ ) เขาบอกว่าเป็นเราไหม ? ไม่ บอกว่าเป็นเรา อันนี้ถูกแล้ว อันนี้เก่งมากเลย ตรงนี้แหละที่เขาเรียก “สภาวะ ความเป็นอนัตตา” ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ก็คือจิตเรานั่นแหละ ไปให้ความสาคัญว่าเป็นเรา ลองดู เติมความรู้สึกว่าเป็นเราเข้าไป เอา “เรา” เข้ามาใส่ตัว รู้สึก ? หนักทันที! ลองเอาความรู้สึกว่าเป็นเราออก ? นิดเดียว เอง เห็นไหม! วิธีทาจิตให้ว่าง ทาตัวให้เบา ขนาดตัวนี้ยังเบาได้ พร้อมที่จะ ขึ้นสวรรค์แล้ว...
ที่จริงโดยธรรมชาติ จิตของเราก็เป็นอย่างนี้ สังเกตไหมว่า บางคน ทาไมน้าหนักไม่เยอะ แต่เวลาเดินเสียงดังจัง ตึง ๆ ๆ เพราะจิตเขา แล้วตัว ก็เลยลงหนักไปด้วย ถ้าจิตเราเบา ตัวก็จะเบา จะเดินเหมือนลอย ๆ พอนั่ง ก็นั่งอยู่ที่เบา ๆ นั่งที่ไหนก็ตามเหมือนนั่งอยู่บนอากาศ จะรู้สึกเบา ๆ เขา เรียก “ที่นั่งอันเป็นทิพย์” จะรู้สึกไม่ได้นั่งอยู่บนพื้น แต่นั่งอยู่ในที่เบา ๆ ว่าง ๆ เพราะอะไร ? เพราะว่าเราไม่มีอุปาทาน ไม่มีความสาคัญผิดคิดว่า “เรา” เป็นผู้นั่ง แต่รู้ได้ว่า “รูป” นี้ตั้งอยู่ จิตกับรูป กายกับใจ เป็นคนละ ส่วนกัน จิตก็ส่วนหนึ่ง กายก็ส่วนหนึ่ง แยกกัน เขาเรียก “แยกรูปแยกนาม”
นี่คือที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ขันธ์ ๕ ย่อลงมาก็เหลือแต่กายกับ ใจแยกกันอยู่ และกายกับใจก็ไม่ได้เป็นอันเดียวกันด้วย เขาเป็นคนละ ส่วนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการความสงบ หรือต้องการที่จะไม่ให้ทุกข์