Page 458 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 458

440
แค่แยกเขาออกจากกัน ให้เขาเป็นธรรมชาติของเขาก็พอแล้ว ไม่ต้องไป บังคับอะไรเลย สังเกตง่าย ๆ ลองพิสูจน์ดูนะ ลองนึกถึงเรื่องที่ไม่สบายใจ สักเรื่องหนึ่งสิ ลองดูว่ารู้สึกเป็นไง ? หนักหรือเบา ? หนัก ใช่ไหม ? (โยคี กราบเรียนว่า หนัก) หนักอยู่ที่ไหน ? (โยคีกราบเรียนว่า อยู่ที่ใจ) ลองดู เอาความรู้สึกว่าเป็นเราออก ออกไปข้างนอก ไปอยู่กว้าง ๆ ลองดูสิ รู้สึก เป็นไง ? (โยคีกราบเรียนว่า รู้สึกเบา)
ขยายใจเราให้กว้างใหม่ ลองดูว่ารู้สึกเป็นไง ? ถ้าเอาความเป็น เราออกได้นี่ เขาเรียก “ละอัตตา” หรือ “ดับตัวตน” นั่นเอง ดับความรู้สึก ว่าเป็นเรา อัตตาเกิดเพราะ “ความไม่รู้” เพราะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วไม่มีอะไร เป็นของเรา ตรงนี้แหละที่เป็นตัว “มิจฉาทิฏฐิ” เพราะไม่รู้ว่าเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เรา! เพราะฉะนั้น “สัมมาทิฏฐิ” คือ เห็นว่า อ๋อ! “ไม่มีเรา” นะ ตอนนี้ เรา “เห็น” ที่บอกว่ารู้แล้วเข้าไม่ถึง เพราะไม่เห็น รู้ เข้าใจ แต่ไม่เห็น ความ ทุกข์ก็ยังเกิด แต่ถ้ารู้แล้วเห็น ความทุกข์ก็จะหายไป
ที่บอกว่า ลองถามตัวเองดี ๆ สิ “ใคร” เป็นคนทุกข์ ? มีโยคีบางคน พอเขาปฏิบัติไปแล้วเห็นทุกข์เยอะแยะเลย เห็นทุกข์แล้วมานั่งทุกข์ เห็น ทุกข์แล้วทุกข์ทาไม ? เราเป็น “ผู้ดู” ไม่ใช่หรือ ? มานั่งทุกข์ทาไม!! ทุกข์ เป็นสิ่งที่ต้องกาหนดรู้ อ๋อ! ทุกข์เป็นอย่างนี้เอง! ก็ “แยกส่วน” กัน ทุกข์ ไปสิ เราไม่ทุกข์ตาม เดี๋ยวมันก็หาย! ใช่ไหม ? เห็นทุกข์แล้วเราไม่ทุกข์ ตาม เดี๋ยวมันก็หยุดทุกข์เองแหละ อันนี้เหมือนเป็นคาพูดแบบธรรมดานะ ที่จริงแล้วลองสังเกตดี ๆ พอรู้ว่า อ๋อ! ทุกข์เป็นอย่างนี้เอง! แต่สิ่งหนึ่งที่ ต้องรู้ก็คือว่า เราเห็นทุกข์แล้ว “ทาไมถึงทุกข์ ?” อันนี้คือคาถามนะ ต้องถาม ตัวเอง แล้วจะมีคาตอบ...
อ๋อ! ทุกข์เพราะ “เข้าใจผิด” ไปยึดเอาสิ่งนั้นว่าเป็นของเรา ยึดเอา ตัวว่าเป็นเรา ก็เอาความเป็นเราออกเสีย ให้เหลือแต่ตัวที่มันทุกข์อยู่ แล้ว มันก็หายเอง (โยคีกราบเรียนถามว่า ใช้คาว่า “ปล่อยวาง” ได้ไหม ?) ใช้คา


































































































   456   457   458   459   460