Page 472 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 472
454
เรามีการกาหนดอารมณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อารมณ์ไหนปรากฏชัด ก็ รู้ตรงนั้นไปก่อน สักพักเขาก็จะเปลี่ยนเอง อารมณ์หลักจริง ๆ ก็จะปรากฏ ชัดขึ้นมา ขณะที่เราสนใจกาหนดรู้อาการเกิดดับของความคิด หรือขณะที่ ความคิดมีการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาการพองยุบไม่ชัด ลมหายใจไม่ชัด ความคิดนั่นแหละจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์หลักให้เราได้ตามกาหนดรู้ เปลี่ยน เป็นขณะ อาจจะคิดอยู่ประมาณ ๕ นาที นั่นคืออารมณ์หลักภายใน ๕ นาที ตรงนั้น ตามรู้ความคิดจนหมดไป เกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ แล้วก็หมดไป พอความคิดหมด จิตเราว่าง สงบ ให้ “นิ่ง” แล้วสังเกตในความว่าง ในจิตที่ ว่าง ลึก ๆ แล้วมีอะไรปรากฏขึ้นมา หรือที่อยู่ข้างหน้า มีอาการอะไรปรากฏ ขึ้นมา ?
เป็นสี เป็นแสง เป็นความใส เป็นความสว่าง เป็นความมืด ปรากฏขึ้น มา ให้กาหนดรู้อาการนั้น เข้าไปรู้แล้วเขาเปลี่ยนอย่างไร บางครั้งสภาวะใหม่ ที่ปรากฏขึ้นมา เห็นอยู่เฉพาะหน้าเรา แต่เราไม่รู้ ก็เลยไม่ดู ไม่เข้าไปกาหนด รู้การเปลี่ยนแปลง จะไปหาอารมณ์ที่ยังไม่เกิด ไปหาอารมณ์ที่ไม่มี อารมณ์ จรที่เกิดขึ้น ถ้าไม่รบกวน แค่รู้สึกว่ามีขึ้นมาแล้วดับอย่างไรก็พอ รู้ ดับ แล้ว ก็จบ ดับไปก็จบไป ไม่ต้องไปกังวล ไม่ต้องไปตามให้ทัน เพราะอารมณ์จรก็ คืออารมณ์จร อารมณ์จรไม่ใช่อารมณ์หลัก แค่แวบเข้ามาแล้วก็ดับไป แวบ เข้ามาแล้วก็ดับไป แค่รู้ว่าเขาดับไป ก็ตามรู้อารมณ์หลักต่อไป ให้รู้ในลักษณะ อย่างนั้น
เมื่อเรามีความพอใจที่จะกาหนดรู้ถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อย่างที่บอกแล้วว่า อารมณ์ที่ชัดที่สุดของเราขณะนี้คืออารมณ์อะไรก็ตามที่ ปรากฏชัดที่อยู่เฉพาะ หน้า ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะมีน้าหนัก จะดัง จะเบา ลอง สังเกตให้ดีว่าอารมณ์ไหนชัดที่สุด ? อย่างมีอาการกระเพื่อมไหวที่รูป บาง ครั้งรูปไม่มี รูปหายไป หาไม่เจอ แต่มีอาการกระเพื่อมหรือมีอาการไหว ๆ อยู่ ไม่เห็นแต่ “รู้สึกได้” ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้มีสติกาหนดรู้หรือสังเกตอาการ