Page 486 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 486
468
แปลง เปลี่ยนอย่างไร ? เมื่อเราสนใจรู้ให้ชัด ความสงบที่กาลังดูอยู่ก็จะ ชัดมากขึ้น ความชัดของความสงบที่ปรากฏขึ้นมา เราก็จะเห็นถึงการเปลี่ยน ของเขาอีกว่า ชัดขึ้นมาแล้วบางไป ชัดแล้วโปร่งไป ชัดแล้วว่างไปเรื่อย ๆ หรือ ว่าเป็นอย่างไร ? หรือว่าสงบยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น... ยิ่งชัดมากขึ้น ยิ่งหนาแน่นขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราต้องสังเกต เหล่านี้คือลักษณะอาการเปลี่ยนแปลงของสภาพ จิตเรา หรือการดูจิตในจิต เห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาอยู่
ถ้าความรู้สึกไม่สงบ จิตเรารู้สึกกระสับกระส่าย ลองสังเกตดูว่า ความ ไม่สงบกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วน ? ถ้าสังเกต เราจะเห็นถึงอาการกระสับกระส่ายก็ส่วนหนึ่ง ตัวที่สังเกตก็อีกส่วนหนึ่ง ตัว สังเกตก็คือจิตที่ทาหน้าที่รู้ หรือสติที่ทาหน้าที่รู้อาการกระสับกระส่ายนั่นเอง วิธีแก้คือ ให้ตัวรู้เรากว้าง ๆ หน่อย แล้วก็ซ้อนเข้าไปที่อาการกระสับกระส่าย จุดที่ต้องสังเกตก็คือ พอซ้อนเข้าไปแต่ละขณะ อาการกระสับกระส่ายเป็น อย่างไร ? มีลักษณะหยุดไปนิดหนึ่ง หรือว่าเบาไปแล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่ เบา กว่าเดิม พอซ้อนเข้าไปอีก ก็หยุดไปอีก ดับไปนิดหนึ่ง เกิดขึ้นมาใหม่ยิ่งบาง กว่าเดิม ก็ซ้อนเข้าไปอีก... ทาซ้า ๆ จนอาการกระสับกระส่ายนั้นหายไป
พออาการกระสับกระส่ายเบาลง เราทายังไง ? ก็สังเกตว่า เมื่ออาการ กระสับกระส่ายเบาลง จิตใจเรารู้สึกสงบขึ้นหรือเปล่า ? รู้สึกนิ่งขึ้น รู้สึกโล่ง ขึ้น ? ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็มาขยายจิตที่สงบ ที่โล่ง ให้กว้างออก ให้กว้าง กว่าตัว แล้วก็ให้กว้างเท่าที่เรารู้สึกอิสระ ไม่ถูกบีบคั้นด้วยอารมณ์หรือความ คิด จนทาให้เราเกิดความรู้สึกกระสับกระส่าย ดูแบบสบาย ๆ ไม่ต้องบังคับ แค่พอใจที่จะดู พอใจที่จะรู้ นิดหนึ่ง นิดหนึ่ง นี่เป็นการกาหนดรู้ถึงความไม่ เที่ยงของอารมณ์ที่เกิดขึ้น ที่รู้สึกกระสับกระส่าย ไม่สงบ จิตเราไม่มั่นคง ต้อง สังเกตในลักษณะอย่างนั้น
แต่ถ้ามีเวทนาทางกายปรากฏขึ้นมา มีอาการเมื่อย มีอาการปวด มี อาการชา มีอาการคัน เกิดขึ้น ก็ให้มีสติเข้าไปกาหนดรู้ถึงลักษณะอาการเกิด