Page 487 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 487

469
ดับของเวทนานั่นแหละ เวลาเรากาหนดเวทนาทุกครั้ง อย่างที่พูดเสมอว่า เราต้องสังเกตก่อนว่า เวทนาที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกที่ทาหน้าที่รู้ หรือว่า เวทนา ที่ปรากฏขึ้นมากับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วน ? อัน นี้อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง ให้สังเกตดูว่า ในขณะที่มีเวทนาเกิดขึ้น เรามีตัว ตนหรือเปล่า ? มีความรู้สึกว่าเป็นเราเกิดขึ้นไหม ?
การสารวจอย่างนี้จะทาให้เราเห็นชัดว่า แต่ละขณะที่เรารับรู้เวทนา นั้น เรารับรู้อย่างมีตัวตนหรือไม่มีตัวตน ถ้าเมื่อไหร่มีตัวตน เราก็ดับความ เป็นตัวตนเสีย ดับความรู้สึกว่าเป็นเรา ให้เหลือแต่จิตที่ทาหน้าที่รู้กับเวทนา แล้วสังเกตว่า เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เรารับรู้อย่างไม่มีตัวตน เวทนานั้นมีลักษณะ อย่างไร ? และสภาพจิตใจเป็นอย่างไร ? ทุกครั้งเมื่อมีเวทนาเกิดขึ้น แล้วมี ตัวตนเป็นผู้รับรู้ มีเราเป็นผู้รับรู้ ทาให้สภาพจิตใจเป็นอย่างไร ? เวทนานั้น เป็นอย่างไร ?
เพราะฉะนั้น จึงให้สังเกตก่อนว่า ขณะที่มีเวทนาเกิดขึ้น ความรู้สึก กับเวทนาเขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วน ? และขณะที่รับรู้เวทนาที่ เกิดขึ้นนั้น มีเราเป็นผู้รับรู้ หรือว่ารับรู้อย่างมีตัวตนหรือเปล่า ? การที่เรามี เจตนาที่จะสังเกตในลักษณะอย่างนี้ จะทาให้เห็นตามความเป็นจริง หรือจะ ทาให้คลายอุปาทานได้ง่าย เมื่อเกิดขึ้นมา เราก็จะกาหนดได้ง่ายขึ้น
บางครั้งเมื่อเวทนาแก่กล้า เราตามรู้ตามกาหนดเข้าไปสักพัก แทบ จะทนไม่ไหว เวทนามีกาลังแก่กล้ามาก ๆ ก็ต้องหยุดนิดหนึ่ง แล้วก็ไม่ต้อง เข้าไป หรือถอยออกมา แล้วก็หยุดนิดหนึ่ง จนความรู้สึกเรามีกาลังมากขึ้น ค่อยเข้าไปใหม่ การเข้าไปในเวทนา คือมีเจตนาเข้าไปรู้การเปลี่ยนแปลง หรือ เกิดดับเป็นสาคัญ ไม่ใช่เข้าไปทาให้เขาหาย แค่เข้าไปรู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงเกิด ดับในลักษณะอย่างไร
ยิ่งถ้าเรากาหนดรู้ถึงความเป็นคนละส่วน ระหว่างความรู้สึกกับ เวทนาแล้ว และเห็นว่าเวทนานั้นเกิดดับอยู่ในที่ว่าง ๆ ไม่มีตัวตน สิ่งที่เรา


































































































   485   486   487   488   489