Page 508 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 508
490
ไหมว่า บางทีพออาจารย์ถาม เราก็เล่าที่อาจารย์ถามนิดหนึ่ง แล้วก็กลับไป เล่าที่ตัวเองเล่าค้างอยู่ พอเล่าถึงตรงนี้ แล้วอาจารย์ถามว่าตรงนี้เป็นยังไง ก็ เล่านิดหนึ่ง แค่บอกอาจารย์ว่า อ๋อ เห็นแล้ว แล้วก็กลับไปเล่าต่อ แทนที่ จะเล่าต่อจากตรงนี้ไปเลย ลองสังเกตดู ไม่ได้ว่าใครหรอก เล่าให้ฟัง
เวลาเล่าสภาวะ เล่าถึงลักษณะอาการเกิดดับให้มากที่สุดเท่าที่จะ เล่าได้ แต่เราพยายามเล่าให้ได้หมดทุกบัลลังก์เลยที่เราปฏิบัติ จาไม่ได้! เอา ที่จาได้แล้วชัดเจน เวลาอาจารย์ถามจุดไหนที่เราจาไม่ได้ปุ๊บ อ๋อ! ตรงนี้เรา ข้ามไป กลับไปปฏิบัติต่อ เราก็ใส่ใจจุดนั้นเพิ่ม แล้วเขาก็จะชัดขึ้นมา แล้ว ก็จะจาได้เป็นลาดับต่อเนื่องไป ง่ายนะ ไม่ยากหรอก! หลักของการปฏิบัติ สภาวธรรมเกิดอย่างไรก็เล่าแบบนั้น มีอะไรเกิดขึ้นมาก็เล่าแบบนั้น มีแล้ว หาย มีแล้วหาย ก็เล่าแบบมีแล้วหาย มีแล้วหายนั่นแหละ เดี๋ยวอาจารย์ก็ จะถามเองว่า หายแบบไหน ? ท่ีมีแล้วหาย หน้าตาเป็นอย่างไร ? เดี๋ยวก็ จาได้
พออาจารย์ถามว่า หน้าตาเป็นยังไง ? ก็ไปหาหน้าตาอีก ก็ไม่ได้ นะ ต้องรู้สึกได้เลยว่ามันมีแบบนี้ ไม่มีหน้าตา แบบไม่สม่าเสมอ ขยุกขยุยก็ ขยุกขยุยนั่นแหละ ยับ ๆ ก็ยับ ๆ ยุ่งเหยิงก็ยุ่งเหยิง นั่นแหละ หน้าตามัน แบบยุ่ง ๆ เป็นเส้น ๆ เป็นขยับ ๆ ยึกยัก เป็นม้วน ๆ เหมือนไยแมงมุม... ก็แล้วแต่ เหมือนไยแมงมุมก็ยังบอกได้ว่าเหมือนไยแมงมุม ที่ขยุกขยิก ก็บอกได้ว่ามันขยุกขยิก เป็นแท่งก็บอกได้ว่าเป็นแท่ง เป็นเส้นยาว ๆ ก็บอก ได้ว่าเป็นเส้นยาว ๆ ก็บอกตามนั้นแหละ! ชื่ออะไรเดี๋ยวค่อยไปถามทีหลัง ถ้าเราจาได้ เดี๋ยวก็จะรู้เอง
เพราะฉะนั้น เวลาเราปฏิบัติ หลักสาคัญคือ อารมณ์ไหนเกิดขึ้นมา แล้วเขาเกิดดับในลักษณะอย่างไร ? อาการเกิดดับเขาเปลี่ยนไปอย่างไร ? ต่างจากเดิมอย่างไร ? ก็มีอีกนั่นแหละ! พออาจารย์ถามว่า เขาต่างจากเดิม อย่างไร ? ไม่ต่างเลย เหมือนเดิม ต่างนิดเดียว... ต่างนิดเดียวแล้วไม่ต่าง