Page 509 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 509
491
ตรงไหน ? ต่างนิดเดียวก็เรียกว่า “ต่าง” ใช่ไหม ? เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจ เหมือนกันแหละว่าทาไมเขาเรียกว่า “ต่าง” ก็มันนิดเดียว... ต่างนิดเดียวเรียก ว่า “ต่าง” เหรอ ? คนเราไม่เหมือนกันนิดหนึ่งก็ไม่เหมือนกันนะ หน้าเหมือน กันเป๊ะ แค่ฟันซี่เดียวไม่เหมือนกัน ก็ยังไม่เหมือนกัน! นั่นแหละก็คือความ ต่างของเขาในตัว
ตรงที่ต่างนิดหนึ่งตรงนี้ที่เราเห็น ต่อไปเราใส่ใจจุดต่างมากขึ้น ตรง ที่ต่างนิดหนึ่งก็จะเห็นชัดขึ้น แต่ถ้าเราเห็นว่ามันต่างนิดเดียว เราก็ไม่ใส่ใจ ตรงนั้นแหละสติเราอ่อน ความต่างจึงเท่าเดิม หรือจะกลับมาเหมือนเดิม อีก เพราะเราไม่ใส่ใจจุดต่าง ตรงที่เราไม่ใส่ใจจุดต่าง ทาไมถึงกลับมาเหมือน เดิม ? สติเราเท่าเดิม การสังเกตเราเท่าเดิม เขาก็จะเท่าเดิมอีก เพราะกาลัง สติ สมาธิ ปัญญาเท่าเดิม ก็จะเห็นแบบเดิม
แต่ถ้าเราใส่ใจจุดต่างแม้นิดหนึ่ง พอเรานิ่ง ใส่ใจมากขึ้น สติ สมาธิ มีกาลังมากขึ้น ก็จะเห็นว่าจากที่เคยเห็น อ๋อ! แบบนี้ก็มี พอดูเข้าไปอีก เปลี่ยนไปอย่างนั้นแล้ว เขาเปลี่ยนไปเรื่อย... นั่นคือความแตกต่างก็จะปรากฏ ขึ้นมาเอง ที่ถามแล้วเราบอกว่า “ต่างนิดหน่อย” นิดหน่อยเราก็ไม่ดูแล้ว เพราะมันต่างแค่นิดเดียว รอให้มันต่างมาก ๆ ก่อนค่อยไปดู รอไป รอไป ก่อน.... รอไปเรื่อย ๆ จนกว่าสติเราจะมีกาลังมากขึ้น ถึงจะเห็นความต่างแบบ นั้น หรือจนกว่าสติเราจะถอยลงไปเหมือนเดิมอีก แล้วก็จะเห็นความต่างชัด ขึ้นใหม่ ถอยลงไปอีก... โอ! ต่างอีกแล้ว ก็มันถอยไปตั้งเยอะ!
เพราะฉะนั้น ความต่างของสภาวะที่เกิดขึ้นนั้น ถึงแม้ที่บอกว่า พอจิตเราว่าง เงียบ แต่ในความว่างลึก ๆ เขามีอาการไหวนิดหนึ่ง นิดหนึ่ง บาง ๆ เบา ๆ เหมือนคลื่นใต้น้า นิดเดียวเอง! นั่นแหละต้องสังเกตแล้ว นิดหนึ่ง นิดหนึ่ง นิดหนึ่ง รู้สึกข้างในลึก ๆ เดี๋ยวเขาก็จะเปลี่ยนให้ชัด เพราะเราสังเกต เราใส่ใจ เรามีสติมากขึ้น ความชัดเจนก็จะค่อย ๆ ปรากฏ ชัดขึ้นเอง ชัดกว่า “ครั้งแรกที่เราเห็น” นั่นเขาเรียกว่าชัดขึ้น ไม่ใช่ชัดเท่ากับ