Page 63 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 63
โยคี (๔) : แล้วจริง ๆ ควรจะกาหนดว่าคิด ?
พระอาจารย์ : กาหนดรู้ว่าความคิดเขาเกิดดับยังไง ไม่ใช่คิด ๆ ๆ ๆ แล้วมันก็ไปกับเขา... พอความคิดเข้ามา มีสติเข้าไปรู้ เขาดับยังไง ? พอรู้ว่า คิดแล้วเขาดับยังไง ? รู้อาการเกิดดับของความคิดไปเลย
โยคี (๔) : ก็เท่าที่สังเกตดู พอเรารู้ว่าเราคิด เราก็กาหนดคิด แล้วก็ ดับไป นี่ก็คือดับ ?
พระอาจารย์ : ใช่ ต่อไป เรารู้แล้วเขาดับเร็วกว่าเดิมไหม ? เรารู้ทัน ไวขึ้นไหม ? ตรงนี้เราต้องพอใจที่จะรู้แบบนั้น ไม่ใช่รู้ว่าดับแล้วก็จบ มันก็ จะฟุ้งต่ออีก
เปล่า ? โยคี (๔) : อ๋อ หมายถึงว่า ให้เฝ้าดูว่าเรารู้ไวขึ้นเปล่า ? ดับไวขึ้นหรือ
พระอาจารย์ : สติเราก็จะไวขึ้น ถ้าเรารู้ว่า พอรู้แล้วเขาก็ดับไป เขา จะดับต่างจากเดิมอย่างไร ? นั่นคือสิ่งที่ต้องสังเกต
โยคี (๔) : แล้วจะทราบได้ยังไงคะว่าเราพัฒนาขึ้น ?
พระอาจารย์ : วิธีจะรู้ว่าเราพัฒนาขึ้นหรือเปล่า ให้สังเกตว่า ใจเรา รู้สึกว่างขึ้น เบาขึ้น ตัวตนเราน้อยลงไหม จิตเราใสขึ้นไหม อายุอารมณ์เรา สั้นลงหรือเปล่า ถ้าอายุอารมณ์ยังเท่าเดิม โกรธ ๕ นาที ก็ ๕ นาทีอยู่อย่าง นั้น ก็แสดงว่ายังไม่พัฒนา จาก ๕ นาทีเหลือ ๓ นาที เริ่มพัฒนาขึ้น จาก ๕ นาที เหลือ ๒ วินาทีแล้วจบ อันนั้นแสดงว่าพัฒนาขึ้น ง่าย ๆ วิธีพิจารณา
โยคี (๔) : ขอบพระคุณค่ะ
โยคี (๕) : กราบเรียนพระอาจารย์ค่ะ ตรงที่พระอาจารย์แนะนาว่า ให้ ดูอารมณ์ที่ชัดที่สุด อย่างเช่น ขาซ้ายกาหนดว่า ยก ย่าง เหยียบ แต่ในขณะ ที่เท้าขวาก็กาหนดรู้ตามไปด้วย เพราะมีอาการเคลื่อนย้ายตามไป แล้วก็พอ เดิน ๆ ไป ได้ยินเสียง แล้วไปกาหนดรู้เสียง เหมือนเราไม่อยู่กับปัจจุบัน
45