Page 81 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 81
63
เราเกิดมาแล้วไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เราได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าเราระลึกชาติได้ ก็คงดี แต่บางทีเราระลึกชาติไม่ได้ เราก็จาไม่ได้ว่าเราเกิดมาเท่าไหร่แล้ว แต่ ไม่ว่าจะระลึกชาติได้หรือไม่ได้ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราระลึกได้คืออดีตที่ผ่านมา ในชาตินี้แหละ ดูสิว่าชีวิตของเราไม่ได้มีความสบายตลอดเวลา มีทั้งทุกข์ ทั้งสุขสลับกันตลอดเวลา ดีเกิดขึ้นแล้วก็หายไป ไม่ดีเข้ามาแล้วก็เปลี่ยนไป ผ่านไป สลับกัน จากเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่องหนึ่งอยู่เสมอ ๆ แค่นี้เราก็ทุกข์ แล้ว ถ้าเราย้อนอดีตหรือรู้ว่าภพชาติที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ก็คงจะช่วยได้ เยอะนะ ทาให้เราเบื่อการเกิด จะได้มุ่งหน้าไปสู่มรรคผลนิพพาน เพื่อความ หลุดพ้นกันเยอะ ๆ จะได้มีความสุข
อย่างที่บอกว่า เป้าหมายหลักของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน อย่างหนึ่ง อยากให้เรากาหนดกันง่าย ๆ ไม่ต้องไปกังวลมากว่า อันนี้เรียกว่า อะไร อันนั้นเรียกว่าอะไร ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ ความ ปวด ความคิด อาการพองยุบ อาการคัน อาการเมื่อย อาการชา เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่งตึง ปรากฏขึ้นมาที่รูปของเรา ให้มี “เจตนา” ที่จะเข้าไปรู้ ว่า “อาการเหล่านั้นเกิดขึ้นมาแล้วดับในลักษณะอย่างไร” ให้มีเจตนารู้ตรงนี้ แล้วการปฏิบัติเราจะไม่ผิด อาจจะช้าบ้างเร็วบ้าง ไม่เป็นไร
เมอื่ ไหรก่ ต็ ามทมี่ เี จตนาทจี่ ะเขา้ ไปรอู้ าการเกดิ ขนึ้ ตงั้ อยู่ ดบั ไปของเขา นั่นคือเรามีเจตนาเข้าไปรู้ถึงความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา ของสภาวธรรมที่เกิดขึ้น รู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เมื่อเรามีเจตนาตรงนี้ เจตนาที่จะ “ละ” เจตนาที่จะ “รู้ถึงอาการเกิดดับของอารมณ์ที่เกิดขึ้น” จิต เราจะคลายจากอุปาทาน เพราะฉะนั้น จึงบอกว่าการกาหนดรู้อาการเกิดดับ ของทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้น จะไม่ผิด แต่เมื่อไหร่เข้าไปยึดไปถือเอา เมื่อ นั้นก็ทาไม่ถูก นี่คือหลักง่าย ๆ นะ
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็น ดูกายในกาย ดูเวทนาในเวทนา ดูจิต ในจิต หรือดูธรรมในธรรมก็ตาม รู้เพื่ออะไร ? รู้แล้วเกิดอะไร ? รู้แล้วได้