Page 23 - มิติธรรม
P. 23
17
อยางนาอัศจรรย การแสดงออกของกายนั้นเกี่ยวเนื่องกับใจ การ แสดงออกของใจยังตองมีสติคอยควบคุมดูแล สติกับใจจึงตอง อยูดวยกันแยกจากกันไมได
ขณะนั่งทํางาน เห็นรูปนั่งนั้นมีรูปละเอียดซอนอยู เปนรูปละเอียด ที่ปรากฏขึ้นอยางอิสระ ไมไดอยูภายใตอํานาจของผูใดผูหนึ่ง สิ่งใด สิ่งหนึ่ง สั่งหรือบังคับไมได มีแตการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแลวหมด ไปอยูตลอดเวลา(อนิจจัง) ปรากฏขึ้นมาอยางเปนระเบียบ ไมมีรูปราง หนาตา ไมมีสีสัน ไมมีหญิง ไมมีชาย ไมเปนกลุมกอน ไมรวมตัว เกิด ขึ้นมาแลวดับหายไปอยางรวดเร็ว เปนการเกิดที่พรอมจะสิ้นสุดอยู ตลอดเวลา
เมื่อถอยความรูสึกออกหางจากรูปละเอียดในตําแหนงที่พอสมควร จะเห็นรูปละเอียดมีการรวมตัวอยางบาง ๆ และมีขนาดใหญขึ้น เมื่อ ตองการใหรูปละเอียดมีขนาดใหญขึ้นอีก ก็จะถอยความรูสึก (ใจที่ ประกอบดวยสติ) ใหหางออกมากขึ้น จากรูปละเอียดที่มีขนาดใหญขึ้น จะคอย ๆ รวมตัวเปนกลุมกอน เปนการรวมตัวอยางแผวเบาและรวดเร็ว มาก จากกลุมกอนขนาดเล็กก็จะรวมตัวเปนกลุมกอนขนาดใหญ จาก ที่ไมสามารถบอกไดวาเปนอะไร ก็เริ่มที่จะบอกไดวาเปนอะไร เมื่อ ความรูสึกอยูในตําแหนงเดียวกับกลุมกอนของรูปกายและมีขนาด เทากัน ความเปนตัวตนจึงเกิดขึ้น ใจที่เคยอิสระจะถูกจองจําดวย ความรูสึกวา เปนเรา เปนเขา ขึ้นมาทันที
รูปละเอียดทํางานไมได เมื่อตองการทํางานจึงตองอาศัยรูปกาย เนื้อที่มี ความหนา ความสูง ความกวาง รูปชนิดนี้เรียกวา “รูปบัญญัติ” เมื่อเกิดความรูสึกอยากทํางานอยางอนัตตา จึงตองแยกความรูสึก ออกจากรูปกาย ดวยการนอมใจไปไวหนารูป จะเกิดชองวางระหวาง