Page 30 - มิติธรรม
P. 30

24
๓๕. รอบ ๆ ของอาการเกิดดับ เปนบัญญัติ
๓๖. ขณะสนทนาใหมีสติอยูที่อาการเกิดดับของเสียง จะเห็น วาวิถีปรมัตถกับวิถีบัญญัติเกิดสลับกันตลอดเวลา ซึ่งไดทั้งปญญา รูถึงอาการพระไตรลักษณและฟงรูเรื่อง
๓๗. วิธีอานสภาพจิตของผูอื่น ใหดูจากวิถีรูปที่แสดงออก
๓๘. วิถีรูปที่เกิดขึ้นจะเปนตัวรับรองวิถีนาม วิถีรูปยิ่งมีมากเทาไร วีถีนามจะยิ่งชัดเจนเทานั้น
๓๙. ดวงตาของผูมีโทสะจะมีอาการรวมตัว นิ่ง หนัก พุงเปนสาย โทสะยิ่งมากการรวมตัวยิ่งชัดเจน
๔๐. กิริยาที่ไมไดออกจากใจ วิถีรูปจะแยงกันเอง
๔๑. ทานที่ใหผลนั้นจะตองบริสุทธิ์ทั้งผูใหและผูรับ อยางนอยจะ ตองมีศีลบริสุทธิ์
๔๒. การเลาสภาวะใหเลาถึงความเปลี่ยนแปลงของแตละอาการ ที่เกิดข้ึน
๔๓. ผูที่สิ้นกิเลส รูปจะเหมือนกลองเปลาที่ถูกบรรจุดวยพลังสติ และสติตัวนี้จะทําหนาที่รับรูอารมณตาง ๆ ที่ไหลเขามา ยิ่งเขาใกลพลัง สติมากเทาไร ? อารมณจะยิ่งออนกําลังมากเทานั้น
๔๔. นักปฏิบัติเปรียบเสมือนผาตางสี ถึงแมจะมีความสะอาด เทากัน แตบุคลิกไมเหมือนกัน
๔๕. ผูที่เคยไดฌานมาแลวและตองการปฏิบัติวิปสสนา ใหใชวิธียกจิต
๔๖. วิถีจิตของผูที่สั่งงานไวกับวิถีจิตของผูมีโทสะ จะตางกันที่ ความเปนระเบียบ และความบรรจง
๔๗. นักปฏิบัติมีปญญาไมเทากันนั้นไมไดหมายถึงปญญาทางโลก แตหมายถึงปญญาทางธรรมซึ่งรูไดจากอาการพระไตรลักษณ


































































































   28   29   30   31   32