Page 31 - มิติธรรม
P. 31
25
๔๘. ปญญาทางโลกยิ่งรูบัญญัติมากยิ่งฉลาด ฉลาดในการยึดมั่นถือมั่น ๔๙. ปญญาทางธรรมยิ่งรูปรมัตถมากยิ่งฉลาด ฉลาดในการปลอยวาง ๕๐. จิตเปนผูคิด ผูปรุงแตง และจิตก็เปนผูรับทุกขหรือสุขนั้น ๕๑. อริยบุคคลไดชื่อวาเที่ยงตอ มรรค ผล นิพพาน
๕๒. คนที่ไมมีความอดทนมักหลงลืมงาย
๕๓. ความเพียรท่ีเกิดข้ึนคร้ังแรก เปนเหตุของความเพียรในภายหลัง ๕๔. คําวาปจจุบันในการเจริญสตินั้น หมายถึงขณะแรกของอารมณ ๕๕. ปญญาทางธรรมยังหมายถึงการแยกแยะผิด ถูกได
๕๖. ความถึงพรอมของการทําบุญทั้งขณะ ๓ นั้น เปนกําลังของ การเจริญวิปสสนา เพราะนึกถึงเมื่อไร ปติ สุข ก็เกิดเม่ือนั้น ปติ สุข เปนบอเกิดแหงสติปญญา
๕๗. ความสวยงามของจิตไมไดหมายถึงสีสัน แตหมายถึงความ บริสุทธิ์
เกร็ดความรู ๒
๑. วางอยางบริสุทธิ์จะตองเปนความวางที่ไมมีตัวตน และรูไดเดี๋ยวนั้น ๒. ขณะเจริญสติใหมีตัวสังเกตประกอบดวยเสมอ
๓. สติที่ไดปจจุบันจะตองเขาไปอยูในอาการ เปนตนวา ขณะเห็น
ความรูสึกเห็น จะตองอยูในรูป ใหความรูสึกวา รูปนามอยูที่เดียวกัน ๔. จิตของผูสิ้นอาสวะกิเลส อาการรับรูทางทวารทั้ง ๖ จะมี สภาพ บาง เบา ละเอียด ตั้งอยูในความวาง ใส สะอาด ไมมีตัวตน
อายุของอารมณสั้นมาก
๕. การทวนกระแส หมายถึง ไมใหจิตไหลไปตามอารมณของ
กิเลส ทุกครั้งที่มีกิเลสเกิดขึ้น จะตองมีสติเขาประกอบ จิตจะหยุด ปรุงแตง เรียกวาทวนกระแส