Page 36 - มิติธรรม
P. 36

30
๖๐. วิถีจิตสับสน การแสดงออกยอมสับสน
๖๑. ทุกขเกิดขึ้นได ๒ ทาง คือ ทุกขทางกาย และทุกขทางใจ ทุกข ทางกายนั้น หมายถึง ทุกขเกี่ยวกับอิริยาบถตาง ๆ เชน นั่งนานก็ทุกข ยืนนานก็ทุกข เดินนานก็ทุกข นอนนานก็เปนทุกข
เกร็ดความรู ๓
๑. วิธีสรางตัวมุงเพื่อเอาไปใชประโยชน ใหเติมกําลังลงไปใน ความรูสึกพรอมกําหนดทิศทาง ตัวมุงจะมีกําลังขึ้นมาทันที
๒. ทุกครั้งที่เห็นอาการดับของรูปนาม ปฏิจจสมุปบาทก็ดับพรอม ดวยเสมอ
๓. ในการเจริญสติ ไมวาจะขณะลืมตาหรือหลับตา สภาวะจะตอง มีความใสและชัดเจนเทากันจึงจะดี
๔. ผูที่สิ้นอาสวกิเลสแตยังมีขันธ ๕ อยู ทุกครั้งที่มีอาการรับรู เกิดขึ้นมา จัดเปนปฏิจจสมุปบาทโดยออม ซึ่งเปนเพียงกิริยาที่ไม เกี่ยวกับกิเลส
๕. อารมณตาง ๆ ที่ปรากฏแกผูมีคุณธรรมสูง จะมีความรูสึก เหมือนปรากฏอยูในทองทะเลที่เวิ้งวางไมเปยกน้ํา และแยกเปน คนละสวนอยางชัดเจน
๖. ขณะฟงธรรมจะตองมีความพรอม พรอมที่จะฟง พรอมที่จะ เขาใจ พรอมที่จะจํา และพรอมที่จะลงมือปฏิบัติตาม ถาขาดตัวใด ตัวหนึ่งยากที่จะกาวหนาได
๗. จิตที่ออนโยนขณะหยิบจับสิ่งของจะมีอาการนุมนวล เสียง กระทบที่เกิดขึ้นเปนระเบียบและบรรจง


































































































   34   35   36   37   38