Page 37 - มิติธรรม
P. 37
31
๘. ผูที่เขาถึงสภาวปรมัตถไดนั้นสติจะตองแกกลา สติยิ่งมี กําลังมากสภาวปรมัตถยิ่งปรากฏชัดเจน
๙. รูปที่ถูกบรรจุดวยความออนโยน เกิดจากพลังเมตตา ๑๐. รูปวางเปลา เกิดจากจิตผองใส ไมมีตัวตน
๑๑. รูปมีความแกรง เกิดจากจิตมั่นคง
๑๒. รูปออนกําลังไมตั้งมั่น เกิดจากจิตทอแท
๑๓. รูปแข็งกระดาง เกิดจากโทสะจิต
๑๔. ขณะทํางานใหมีสติรูเฉพาะจุดกระทบจุดใดจุดหนึ่งกอน เมื่อ
สติมีกําลังอาการตาง ๆ จะคอย ๆ ปรากฏขึ้นมา พรอมกับความชัดเจน ๑๕. กิเลสยิ่งนอยดวงตายิ่งสงบ เปนความสงบที่กวางและไมเหมอลอย ๑๖. ความออนโยนที่แทจริง จะตองแสดงออกจากใจเปนธรรมชาติ
ไมฝน
๑๗. ความออนโยนที่แสดงออก จะตองตั้งอยูบนจิตที่มั่นคง
๑๘. ความออนโยนจะเกิดขึ้นไดนั้น จิตจะตองเปนกุศลและไมมี
ตัวตน ซึ่งจัดเปนความออนโยนบริสุทธิ์
๑๙. ความออนโยนแทจะตองแยกแยะผิดถูกไดอยางชัดเจน
มีเหตุมีผล รูกาลควรไมควร และมีความสงบอยูในตัว
๒๐. ขณะรับประทานอาหาร ใหมีสติอยูที่อาการเคี้ยว เมื่อสติ
มีกําลังมากขึ้น อาการตาง ๆ จะคอย ๆ ปรากฏขึ้นมาเอง โดยไมตองไป จดจอง
๒๑. ในการเจริญวิปสสนา จะตองมีสติทันขณะเกิดใหไดมากที่สุด ๒๒. เวลาเดินใหมีสติอยูที่อาการยก และรูถึงจุดกระทบของเทา เมื่อจิตสงบอาการตาง ๆ จะคอย ๆ ปรากฏขึ้นมา เปนอาการที่เกิดขึ้น
ตั้งอยูในความเงียบเหมือนอยูคนเดียว