Page 39 - มิติธรรม
P. 39

33
๓๖. ตองการใหความสุขหรือความออนโยนตั้งอยูนาน ๆ จะตองเติม ความพอใจลงไป อาการนั้น ๆ จะตั้งอยูตราบเทาที่ตองการ
๓๗. ความเปนระเบียบของจิตจะเกิดขึ้นได ตองเห็นขณะดับของ แตละวิถี
๓๘. วิธีทดสอบกิเลสในตัววามีมากหรือนอย ใหใชสามัญสตินึกถึง อารมณในอดีต ถาหากนึกออกเพียงแตแครูไมมีรูปราง และดับไปอยาง รวดเร็ว แสดงวากิเลสมีนอย ยิ่งบางเทาไรกิเลสยิ่งนอยเทานั้น
๓๙. ถาหากนึกแลวมโนภาพเกิดขึ้นชัดเจน แสดงวากิเลสยังมีมากอยู ยิ่งปรุงแตงเปนสีสันมากเทาไรกิเลสยิ่งมีมากเทานั้น
๔๐. เห็นอาการเกิดดับ จัดเปนปญญาทางธรรม เพราะเห็นอาการ พระไตรลักษณ
๔๑. อาการรับรูจะเกิดขึ้นไดนั้น ๑. ตองอาศัยกําลังของอารมณ ๒. ขึ้นอยูกับความพอใจหรือเจตนา
๔๒. อาการวูบ ๆ วาบ ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะเจริญสตินั้น เปนอาการ สลายของรูปนาม เปนจุดเริ่มตนของสภาวะปรมัตถ
๔๓. เมื่อเขาสูญาณสลาย หากกําหนดไมทันปจจุบัน อาการ หวาดกลัว คิดปรุงแตงไปตาง ๆ นานา เปนเรื่องเปนราวจะเกิดขึ้น ซึ่งที่ ถูกนั้นจะมีก็เพียงแตอาการใจหาย ๆ เทานั้น
๔๔. ผูที่เรียนรูปริยัติจะตองใจกวาง ขณะสนทนาใหสนทนา เฉพาะเกี่ยวกับธาตุ ๖ เทานั้น
๔๕. การพูดจาโออวดเกินจริง ไมไดหมายถึงความมีปญญา
๔๖. การปฏิบัติธรรมชวยพัฒนาศักยภาพทาง กาย วาจา ใจ ใหดีขึ้น และยังสามารถพัฒนาชีวิตใหมีความสุข


































































































   37   38   39   40   41