Page 38 - มิติธรรม
P. 38

32
๒๓. การกําหนดนั้นมี ๒ วิธี คือ ๑. การกําหนดโดยอาศัยบัญญัติ ๒. กําหนดโดยอาศัยปรมัตถ
๒๔. การกําหนดโดยอาศัยบัญญัติจะตองมีชื่อกํากับอยูในใจ กําหนด อยางปรมัตถไมมีชื่อกํากับมีแตอาการรูชัดในรู
๒๕. กําหนดโดยอาศัยบัญญัติถึงแมจะไมมีตัวตน แตยังมีผูประกาศ ผูรู ผูเห็น กําหนดอยางปรมัตถ ไมมีผูประกาศ ผูรู ผูเห็น อาการตาง ๆ จะประกาศตัวเอง
๒๖. เมื่อมีเวทนาเกิดขึ้น ใหเอาความรูสึกเขาไปในเวทนา ไมตองไป คนหาวาเปนเวทนาชนิดใด ? ขณะที่คนหาจัดเปนอุปาทานเพราะมีตัวตน ๒๗. เวทนาที่ประกอบดวยบัญญัตินั้น มีรูปราง สีสัน อาจจะชัด
จาง หรือเลือนลาง ก็ได
๒๘. เวทนาปรมัตถ มีเพียงอาการไมมีรูปรางหรือสีสัน
๒๙. อาการเกิดดับของรูปนามปรากฏขึ้นตั้งแต เริ่มแยกรูปนามได
จนถึงดับขันธ
๓๐. เกิดดับแตละขั้นตอน ตางกันที่กําลัง
๓๑. ผูที่เขาถึงความสงบครั้งแรกของแตละญาณ จะเกิดความรูสึก
เงียบเหงาอยูในใจ
๓๒. ผูที่เขาถึงธรรมขั้นสูง สติจะเปลี่ยนเปนพลัง พลังตัวนี้จะทํา
หนาที่รับรูอารมณตาง ๆ
๓๓. เมื่อพลังมีกําลังเต็มที่ จะเห็นวาอารมณตาง ๆ ที่เกิดขึ้นไมวา
ใกลหรือไกล จะถูกล็อกเอาไวไมเคลื่อนยายที่ เกิดที่ไหนดับที่นั่น
๓๔. อยามองขามอาการกอนดับ เพราะจะทําใหปญญาเกิดชา
๓๕. ผูมีสติ ทุก ๆ อารมณที่เกิดขึ้น จะตั้งอยูในความเงียบ สงบ ใส
หากมีการปรุงแตงเกิดขึ้น จะเปนการปรุงแตงอยางสันโดษและเปนระเบียบ


































































































   36   37   38   39   40