Page 43 - มิติธรรม
P. 43

37
๓๐. อิริยาบถยอยเมื่อกําหนดไดปจจุบันแลว ขณะหยิบหรือจับ จะรูสึกวา รูปนามกระทบกัน
๓๑. จิตที่ไมมีกิเลส จะเห็นทุกสิ่งทุกอยางไดชัดเจนตามความ เปนจริง เพราะไมถูกกิเลสปรุงแตง
๓๒. สติยิ่งมาก อายุของอารมณยิ่งสั้น การตั้งอยูของอารมณจะ สั้นมาก จนแทบจะไมรูสึกวาตั้งอยู
๓๓. ขณะปฏิบัติถาใสใจหรือตั้งใจมากเกินไป จะเกิดอาการแนน อึดอัด กระสับกระสาย ฟุงซาน
๓๔. วิธีปฏิบัติที่ถูก ใหปลอยใจสบาย ๆ เพียงแตใหมีสติพรอมกับ เติมตัวสังเกต ปญญาจะเกิดขึ้นเอง
๓๕. ทุก ๆ อาการสามารถเขาสู มรรค ผล นิพพานได ถารูหลักใน การเจริญสติ
๓๖. ความเพียรในการเจริญวิปสสนาหมายถึง เพียรสติ คือหมั่น เจริญสตินั่นเอง
๓๗. เมื่อตองการละกิเลส ไมควรเพงเล็งผูอื่น ควรเพงเล็งหรือดู ตัวเองใหมาก
๓๘. ในความวางไมปรากฏอาการพระไตรลักษณ แสดงวาสติไป ไมถึงอาการปรมัตถ ใหเอาสติเขาไปในความรูสึก รูปละเอียดจะ คอย ๆ ปรากฏขึ้นมาเอง
๓๙. ขณะที่มีเมตตาหรือพรหมวิหาร ๔ จิตจะเขมแข็งใจเปดกวาง เม่ือมีเหตุการณตาง ๆ เกิดขึ้นจะไมเกิดความรูสึกวาตองทน
๔๐. การกระทํากรรมตาง ๆ ใหตัดสินที่เจตนา
๔๑. บางคนอาจจะบอกวาไมมีเจตนา ทําไปดวยความโกรธหรือ เผลอ


































































































   41   42   43   44   45