Page 48 - มิติธรรม
P. 48

42
๔๔. รูขึ้นมาก็ดับไปแลวไมเรียกวาปญญา จะตองรูขณะดับดวยจึง จะเรียกวาปญญา
๔๕. อาการตาง ๆ ที่กระทําลงไปนั้นจัดเปนเหตุ เหตุยิ่งชัดผลย่ิงเร็ว
๔๖. อาการปลอยวางนั้น ไมไดหมายถึงพยายามที่จะลืมหรือ พยายามที่จะไมใสใจ แตหมายถึงเห็นอาการเกิดดับของอารมณตาง ๆ ทุกครั้งที่เห็นอาการเกิดดับ จิตจะทําหนาที่ปลอยวางอยางอัตโนมัติ
๔๗. สามัญสติจะไมปรากฏในอกุศลจิต
๔๘. นักปฏิบัติที่มีจิตเศราหมอง ขุนมัวบอย เกิดจากไมมีศรัทธา ในตนเอง
๔๙. อธิปญญาวิปสสนา คือการเห็นรูปนามเกิดดับเนือง ๆ
๕๐. เห็นความเกิดดับอยูเนืองๆ ความวางเปลาจะปรากฏชัดเจนขึ้น เรื่อย ๆ
๕๑. พญามัจจุราชยอมมองไมเห็น บุคคลท่ีกําหนดรูขันธ ๕ เหมือน ตอมน้ํา หรือพยัพแดดอยู
๕๒. อนัตตาปรากฏจะเห็นสังขารเหมือนบานราง ไมมีผูนํา ไมมี เจาของ วางเปลา
๕๓. วิธีปลีกวิเวก ใหเอาความรูสึกไปจับบริเวณใตลิ้นป แลว เจาะลึกเขาไป จะพบกับบรรยากาศที่เปนสวนตัว ซึ่งเปนบรรยากาศ เฉพาะตน ไมตองเพิ่ม ไมตองปรุงแตง เงียบสงบ ไมมีส่ิงรบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น เรียกวาวิหารธรรม
๕๔. วิหารธรรมอีกอยาง หมายถึงมีความเปนอยูดวยจิตออนโยน มีเมตตา หรืออยูดวยความวาง กวาง ใส
๕๕. บุคคลตาง ๆ ที่ฝกฝนเอาไวอยางดีแลวในชาติน้ี ท้ังฝายกุศล และอกุศล จะปรากฏเปนวิบากในชาติหนาและชาติตอ ๆ ไป


































































































   46   47   48   49   50