Page 50 - มิติธรรม
P. 50

44
ใหห มดไป จดั เปน อปุ าทาน ใหไ ปจบั ทคี่ วามรสู กึ จะเหน็ อาการเปลยี่ นแปลง ซึ่งเปนอาการพระไตรลักษณ
๑๔. เวทนายิ่งกลา สมาธิยิ่งมีกําลังมาก ใหเอากําลังสมาธิมาดูเวทนา
๑๕. วิธีเอาสมาธิมาใชประโยชน ใหเติมความพอใจลงไป กําลังสมาธิ จะเปลี่ยนเปนกําลังสติทันที ใหเอาสติดูความรูสึกจะเห็นอาการ พระไตรลักษณ
๑๖. เวทนามีกําลังกลา ใหเอากําลังของเวทนามาจับที่ความรูสึก ปญญาจะปรากฏ
๑๗. จิตเปนผูนึก คิด ปรุงแตง สั่งและจดจํา เพื่อรอโอกาสที่จะรับ ผลและชดใช
๑๘. ยิ่งมีธรรมมาก จิตยิ่งเปดกวาง รูปยิ่งเบา สังเกตไดจากใบหนา
๑๙. จะตองเห็นรอยตอระหวางเกิดกับดับ และดับกับเกิดจึงจะได ชื่อวาปญญาเกิดตอเนื่อง
๒๐. มีความรูสึกเหมือนเดินเขาไปในความเงียบสงบ เกิดจากจิต คลายอุปาทาน
๒๑. มีอาการเดินหนาไปเรื่อย ๆ ไมมีถอยหรือกลับหลัง เกิดจากมี สติอยูกับปจจุบัน
๒๒. มีความรูสึกเหมือนเดินเขาไปในความเงียบ สงบและวางเปลา เปนอาการของอนัตตาไมมีตัวตน
๒๓. ศรัทธายิ่งมีมากสติยิ่งมีกําลัง ศรัทธากับสติจะตองมีกําลัง เทากันจึงจะดี
๒๔. รอบ ๆ ของอาการเกิดดับรูสึกสวางใส เปนความสวางใสของ สติ
๒๕. เมื่อสติมีกําลัง อารมณตาง ๆ จะปรากฏอยูในความรูสึก


































































































   48   49   50   51   52