Page 119 - มรรควิถี
P. 119

ตั้งแตเริ่มตนจนสิ้นสุด จนสิ้นสุด ทําแบบนี้ใชหลักอันนี้ การเดินอาการ เดินก็เหมือนกัน อาการเดินไมวาจะเปนชัดในขณะกระทบ ขณะยก หรือ อาการเกิด-ดับของอาการยก ยกขึ้นมาเห็นชัดวายกขึ้นแลวดับ กระทบ แลวก็ดับไป หรือวาขณะกระทบไมชัดแตชัดตอนที่ยกขึ้นแลวก็ดับ ไมวา ชัดในขณะไหนใหเอาความรูสึกเกาะอาการนั้น ไมวาจะชัดเฉพาะอาการ ยกอยางเดียว ก็ใหเกาะติดอาการยกอยางเดียว ถากระทบแลวดับ กระทบแลวดับ เอาความรูสึกไปเกาะติดกับอาการกระทบแลวดับ ที่สําคัญจะตองมีความใสใจในการพิจารณาดวยการกําหนด และตองเกาะ ติดอาการตาง ๆ ใหตลอด พิจารณาสังเกตวาอาการเกิด-ดับในแตละขณะ เมื่อความรูสึกเกาะอยูที่เดียวกับอาการ อาการเกิด-ดับนั้นชัดขึ้น เร็วขึ้น ใสขึ้น นอยลงหรือมีมากขึ้น หรือเปนไปในลักษณะอยางไร ทําไมการ ปฏิบัติธรรมตองเนนที่อาการเกิด-ดับ การปฏิบัติวิปสสนาทําไมถึง ตองเนนที่อาการเกิด-ดับ เพราะการกําหนดรูถึงอาการเกิด-ดับทําให อุปาทานดับ ทําใหการยึดมั่นถือมั่นในอารมณตาง ๆ ดับไปดวย
เมื่อนักปฏิบัติเขาไปรูถึงลักษณะของอาการเกิด-ดับของ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสและธรรมารมณตาง ๆ การยึดติดในอารมณนั้นก็ดับ ไปดวย ดับไปอยางสิ้นเชิงนั่นคือปญญา เห็นตามความเปนจริงที่ พระพุทธเจาบอกวา ทุกอยางที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยูและดับไป ไมมีอะไรเที่ยงไมสามารถบังคับได เมื่อเกิดขึ้นแลวตองดับตั้งอยูในสภาพ เดิมไมได และอีกอยางหนึ่งการเห็นอาการเกิด-ดับของรูปนามปรมัตถ ขณะที่กําหนดรูถึงอาการเกิด-ดับของรูปนามปรมัตถ ขณะนั้นไมมีตัวตน ไมมีกิเลสจิตจะเปนอุเบกขา จิตบริสุทธิ์ ไมมีตัวตน ไมมีเรา ไมมีเขา มีแตปญญาที่ทําหนาที่รูถึงธรรมชาติที่แทจริงของรูปนาม รูวามีการเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไป เกิด-ดับ เกิด-ดับ มีแลว หมด มีแลวหมด จิตดวงเกาหมดไปจิตดวงใหมเกิดขึ้นมา จิตดวงเกาดับ
105


































































































   117   118   119   120   121