Page 130 - มรรควิถี
P. 130

116
ถาอนุมานเอาก็ยึดติดตามที่เราเขาใจ วามันนาจะเปนอยางนั้น ก็สรุปไป กลายเปนวาสิ่งที่เขาใจถูกแคเสี้ยวหนึ่ง ไมถูกทั้งหมด คือถูกเฉพาะตรงที่ ขณะเห็น แตหลังจากนั้นไปเขาใจผิด เพราะฉะนั้นการกําหนดสภาวะ สําคัญมาก ๆ จึงตองกําหนดรู
การปฏิบัติของเรายอมไมราบรื่นทั้งหมด ยอมมีอุปสรรคบาง อุปสรรคอยางหนึ่งก็คือ อาจจะเปนวิบากหรือบาปที่เราสรางมาในอดีต จะทําใหเกิดเวทนาบาง เกิดอุปสรรคสิ่งนั้นสิ่งนี้บาง ทําใหไมสะดวกใน การปฏิบัติและใหเวลาไมเต็มที่ ถาเวทนาทางกายถูกเบียดเบียนมาก มีอุปสรรคมาก อุปสรรคที่ไมใชเวทนา ก็ตองอาศัยความอดทนความ เพียรเพิ่มขึ้น อยางที่บอกแลววาตองมีขันติ มีความอดทน แลวก็มีความ เพียรใสใจใหตอเนื่อง เมื่ออยูในสถานที่ที่แวดลอมดวยสิ่งที่ไมอํานวย ตอการทําใจใหสงบ หรือการกําหนดอารมณ จริง ๆ ถาเรามีความตั้งใจ จริง มีความเพียร มีความตั้งมั่น อธิษฐานจิตตั้งมั่นวาเราตองการละกิเลส ตองการดับทุกข ตองการพนทุกขจริง ๆ ตองพรอมเสมอวา เมื่อไรที่ อารมณเกิดขึ้นตองเขาไปรับรู รูถึงการเกิดและดับของอารมณนั้น ๆ อยางนอย ๆ ตองพรอมที่จะดับอกุศลที่เกิดขึ้นในจิต อกุศลไหนเกิดขึ้น กับจิตเราดับไป เวทนาที่เกิดขึ้นตั้งอยูปลอยไป มองขาม บางครั้งตอง มองขามเวทนาที่เกิดขึ้น เราไมสามารถบังคับใหดับไดอยางที่บอกแลว แตเวทนาที่เกิดขึ้นนั้นอยาทําใหอกุศลเกิดขึ้นกับใจ เมื่อแยกเวทนาทาง กายกับจิตออกจากกัน เวทนาทางกายจะมีอาการเจ็บปวด หรือเปน ทุกขเวทนา แตทางใจเปนอุเบกขาเวทนา คือความวางเฉยกับเวทนาที่เกิด ขึ้นไมใหอุกศลเกิดขึ้นดวย ไมใหจิตเศราหมองหรือเปนทุกขไปดวย ถึงแมชั่วขณะหนึ่ง ทําไมตองเนนวาชั่วขณะหนึ่ง เพราะบางครั้งเวทนามี กําลังมากปวดมาก ขณะนั้นถามวามีกิเลสเกิดขึ้นมั้ย ตรงนี้ตองถามตัวเอง ถาไมมีกิเลสไมตองกังวลเสียใจ ใหรูชัดตามความเปนจริงวา เวทนามี


































































































   128   129   130   131   132