Page 143 - มรรควิถี
P. 143

หรือมีรางกายอยู เราก็รูถึงอาการเจ็บปวด แตอานิสงสหรือผลของฌาน การเขาถึงอรูปฌาน เมื่อละสังขาร ละรูปนี้ไปแลว จะไดไปเกิดเปนอรูปพรหม อรูปพรหมอันนี้เขาเรียกมีขันธ ๔ ไมมีรูปขันธ มีแตนามขันธ มีสัญญา เวทนา สังขาร วิญญาน ไมมีรูป เมื่อไมมีรูปก็จะไมทุกข ไมมีอาการเจ็บไข ไดปวย แตก็ยังมีทุกขทางใจเกิดขึ้นได ยังมีการเวียนวายตายเกิดไมสิ้นสุด
เพราะฉะนั้นเมื่อเราแยกรูปนาม เมื่อแยกรูปนามได เมื่อไมทุกขทาง ใจ ความทุกขทางใจไมเกิดขึ้น ตรงนั้นแหละกิเลสไมเกิดขึ้น เปนการปลอย วางไดระดับหนึ่ง แตสําคัญที่สุดที่เราทุกขอยูทุกวัน ความทุกขสวนใหญ เรา จะรูสึกวาทุกขทางใจมากกวาทุกขทางกาย ทุกขทางกายถาเมื่อไหรเราพรอม ที่จะสู พรอมที่จะทํา อยางเชนการออกกําลังกาย การทํางานหนัก เมื่อไหร ที่เราพรอมที่จะทํา พอใจที่จะทํา ทําดวยความสุข จิตใจเราสุข ถึงแมราง กายจะเหนื่อย จะไมรูสึกวาเปนทุกขทางกาย จะไมรูสึกทุกข เห็นมั้ย ?
ความทุกขท่ีเกิดขึ้นที่ชัดที่สุดก็คือ เปนความทุกขทางใจ ถาใจเรามี อุปาทาน ใจเรามีการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไมวาจะเปนดวยความ คิดของตัวเอง ตัวตนของเรา หรือการกระทําของเราตาง ๆ เราถือสิ่งใดสิ่ง หนึ่งเปนของเรา สิ่งที่เรายึดถือเปนของเราก็คือ หนึ่ง.. เขาใจวารูปนี้เปนของ เรา ยึดถือเอารางกาย เอารูปอันนี้วาเปนตัวเราของเรา ยึดมั่นถือมั่นนะ แลว ก็ยึดเอาสัญญา ความคิด เรื่องราวในอดีตที่ผานไปแลว พอคิดขึ้นมาก็เปน เรา สังขารการปรุงแตงตาง ๆ ปรุงแตงดวยจิตนะ เขาเรียกจิตตสังขาร การ ปรุงแตงตรงนี้ปรุงแตงดีไมดีเปนตัวเราทั้งหมด เราเปนคนคิด เราเปนคนทํา อันนั้นเปนของเรา อันนี้เปนของเรา ยึดเอาหมด เมื่อไหรที่เปนของเรา เมื่อ ส่ิงนั้นเสื่อมไป เราก็ทุกข มันเปลี่ยนไป เพราะสภาวะทุกอยาง สิ่งตาง ๆ ที่ เกิดขึ้น ไมวาจะเปนรูป เวทนา สัญญา สังขาร หรือวิญญาน ตั้งอยูในหลัก อันเดียวกัน เขาเรียกสามัญญลักษณะ
สามัญญลักษณะ ลักษณะที่เสมอกันเปนเหมือนกันทุก ๆ อยาง
129


































































































   141   142   143   144   145