Page 144 - มรรควิถี
P. 144

130
แกสังขารทั้งปวง ไมวาจะเปนตัวเรา สังขารภายใน สังขารภายนอก เปนรูปนาม ทุกอยางตั้งอยูบนความเกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไป เขาเรียกอนิจจัง ความเปนอนิจจัง ความไมเที่ยง มีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกขังคือตั้งอยู ในสภาพเดิมไมได เกิดขึ้นแลวตองดับไป มีแลวหายไป เกิดขึ้นแลว เสื่อมไป นั่นคือลักษณะของความทุกขตั้งอยูในสภาพเดิมไมได มีการเปลี่ยน ดับไป และอีกอยางหนึ่งก็คือลักษณะของความเปนอนัตตา
อนัตตาอยางหนึ่ง ความหมายหนึ่งคือ ไมสามารถบังคับบัญชาเขาได อยางรางกายของเรา รางกายของเราเวลามีอาการกระทบเกิดขึ้น กระทบกับ ของแข็ง เวลามันปวดขึ้น เราไปสั่งใหเขาหยุดไมได บอกวาอยาปวดนะ เขา ก็ไมหาย นั่นคือลักษณะความเปนอนัตตา เรียกวาบังคับบัญชาไมได เวลา มีโรคภัยไขเจ็บ ก็บอกใหหายก็ไมได สั่งวาอยาเจ็บอยาไขนะไมได เขาเปน ไปตามเหตุปจจัยของเขา ดวยเหตุดวยปจจัยเทานั้น และนี่คือที่เปนบัญญัติ นะ ดวยลักษณะของความเปนอนัตตา
และอีกอยางหนึ่งก็คือวา ความเปนอนัตตาตรงนี้หมายถึงวา รูปนาม อันนี้วางเปลาจากความหมายแหงความเปนตัวตน ไมใชตัวเรา ไมใชของเรา ไมมีสวนไหนเลยบอกวาเปนของเรา อันนี้โดยสภาวะที่ละเอียดขึ้นอีก โดย สภาวธรรม หรือเปนสภาวะปรมัตถ เมื่อเราแยกรูปแยกนามได แยกกาย กับใจออกจากกัน ตัวก็ไมไดบอกวาเปนของเรา นี่เราสังเกตไดเลย เมื่อไหร ที่เราเห็นวากายกับใจแยกจากกัน ตัวนี้จะตั้งนิ่งวางเปลา เหมือนกับบอกเลย วาไมใชตัวเรา เห็นวาจิตกับตัวอยูคนละที่กัน มีชองวาง จิตเราทําหนาที่รู แคนั้นเอง รางกายก็เหมือนตอไม เหมือนตนไมอยางหน่ึง จัดเปนวัตถุหรือ เปนรูปเทานั้นเอง นั่งนิ่ง ๆ ถาใจไมสั่ง มันก็ไมขยับ ไมทํา ไมเคลื่อนไหว แตถาเมื่อไหรที่ใจเราสั่ง ใจที่สั่งใหขยับ ใหเคลื่อนไหว มันไมไดเปนของ หยาบ เราเคลื่อนไหวจนเกิดความเคยชินตั้งแตเกิดแลวนะ ตั้งแตเกิดเรา รูสึกวา พอรูสึกเมื่อย มันก็ขยับ นั่งเมื่อยก็ขยับ แลวก็เดิน เคลื่อนไหว


































































































   142   143   144   145   146