Page 145 - มรรควิถี
P. 145

เวลาจะขยับมือตาง ๆ จึงรูสึกวาไมเห็นจิตมันสั่ง มันเปนไปโดยอัตโนมัติ อาการเคลื่อนไหวของรางกายเปนไปโดยอัตโนมัติ จะรูสึกอยางนั้น
แตถาเมื่อไหรที่เราพิจารณากําหนดรูแยกรูปแยกนามได แลวก็มา กําหนดตนจิตนะ กําหนดตนจิตไดทัน คือจับที่ความรูสึกหรือจับที่จิตตัว เองได จะเห็นเลยวา ทุก ๆ อาการที่เกิดขึ้น เปนไปตามอํานาจของจิต จิตจะเปนผูสั่งใหไป สั่งใหหยุด ตรงนี้ตองอาศัยสติที่แกกลา ปญญาที่ ละเอียดออนและก็สมาธิที่แกกลา คําวาแกกลาในที่นี้ก็คือวา มีความคม มีความสงบ และการพิจารณาตองมีเปาหมายหรือมีเจตนาที่จะกําหนด รูจริง ๆ ถึงจะเห็นได ถาเราไมมีเจตนาที่จะกําหนดรูก็ยังเปนไปตาม ความเคยชินอยูเหมือนเดิมนะ เปนไปตามความเคยชิน เราก็จะเห็นวามัน เปนไปตามธรรมชาติ มีตัวตนเกิดขึ้น จิตไมละเอียดพอ ไมมีความผองใส จิตไมละเอียดพอ การพิจารณาการกําหนดรูถึงสภาวะที่ละเอียดขึ้นไปก็ จะไมเห็น
เมื่อไหรท่ีเราจับที่ความรูสึก หรือกําหนดรูจิตของตัวเองใหมาก เห็น จิตของตัวเองมาก ๆ ก็จะเห็นถึงการสั่งงานของจิตไดมากขึ้น อันนี้คือ นักปฏิบัติหรือเราระลึกถึงคําสอนของพระพุทธเจา พิจารณาคําสอนของ พระพุทธเจา ที่พระองคทรงตรัสรูเรื่องทุกข เหตุใหเกิดทุกข สิ่งที่เราทุกข สิ่งที่ทุกขมาก ๆ ก็คือมีสิ่งที่เปนเหตุ อยางหนึ่งก็คือเราทุกขกับอะไรมาก ที่สุด ? จริง ๆ ก็คือเกี่ยวกับรางกายของเรานี่แหละนะ เขาเรียกขันธ ๕ รูป นามขันธ ๕ ดวยรางกายเอย ดวยความคิด ดวยการปรุงแตง แลวก็จิตเรา เมื่อไหรที่มีอุปาทาน เขาเรียกยึดเอาขันธ ๕ ยึดเอารูปวาเปนของเรา ยึดเอาเวทนาเปนของเรา ยึดเอาสัญญาเปนของเรา ยึดเอาสังขารวาเปน ของเรา และยึดวิญญาณ คือใจที่ทําหนาที่รูเปนของเรา เราเปนผูรู เราเปน ผูเห็น เราเปนผูไดยิน เราเปนผูเจ็บ ทุกอยางเปนของเรานะ เราเปนผูเจ็บ มีเราทั้งนั้นสิ่งหนึ่งที่เห็นชัดก็คือ ทุก ๆ อาการไมวาจะเปน รูป เวทนา
131


































































































   143   144   145   146   147