Page 147 - มรรควิถี
P. 147
อารมณ เมื่อใหรจิตใจที่เสพ จิตใจของเราที่เสพความขุนมัว เศราหมอง อยูกับความทุกขนาน มาก ๆ บอย ๆ นานเขานานเขา ก็ทําใหรางกายอันนี้ เสื่อมโทรมไปดวย และเสื่อมเร็วดวย เสื่อมเร็วดวยนะ สังเกตดูวาคนที่มี ความทุกข มีความเครียดอยูในใจ หนาตาไมผองใสเลย หนาตาจะดูเศรา หมอง จะดูคล้ํา จะดูหนัก อันนี้เราพิจารณาเราจะรูได เห็นไดชัดเจน
แตสําหรับคนที่มีเวทนาทางกาย บางคนนะมีอาการเจ็บไขไดปวย แตใจเขาไมทุกข เจอเมื่อไหรก็หนาผองใส เขาไปดูขณะนอนอยูโรงพยาบาล ไปเห็นก็หนาผองใส เพราะใจเขาผองใส นั่นคือจิตใจผองใส ถารางกาย เปนทุกข แตจิตใจผองใส เมื่อจากโลกนี้ไป ก็ไปที่ ๆ ดี จะไดไปที่ ๆ ชอบ ที่ ๆ เราปรารถนากัน เมื่อคนตายไปก็ขอใหไปที่ชอบ ๆ คือไปสูสุคติ สุคติภูมิ ไปเกิดในที่สุคติภูมิ ไมวาจะเปนมนุษย หรือเปนเทวดา เปนพรหม ไปอยูที่สบาย
แตถาคนที่มีความทุกขทางดานจิตใจ ถึงแมรางกายไมเปนอะไร ทุกขทางดานจิตใจ มีจิตใจเศราหมอง มีกิเลส มีความขุนมัว มีแตความ อาฆาต มีแตความริษยา มีแตความเคียดแคนอยูในใจ เมื่อตายไป ทุคติเปนอันหวังได ถึงแมรางกายไมเปนอะไร เมื่อตายไปในขณะนั้น ทุคติเปนอันหวังได ทุคติในนี้อาจจะเปนไปลงนรก ชั้นไหนไมรูนะ แลวแต วากรรมที่เกิดกับจิตเราขณะนั้น จิตที่เสวยอารมณตรงนั้นเปนกรรมประเภท ไหน คิดเรื่องอกุศลประเภทไหน ทุกขดวยเรื่องอะไรมากแคไหน ก็จะไป ตามเหตุนั้น
กรรมในที่นี้ ที่บอกจิตเศราหมองก็เกิดจากกรรม เขาเรียกมโนกรรม มโนกรรมที่เราทํานี่แหละสําคัญมาก ๆ ทําซ้ําแลวซ้ําอีก คิดซ้ําแลวซ้ําอีก ทําแตเรื่องเดิม ๆ ความทุกขเดิม ๆ อยางเชนเราคิดถึงความไมดีของคนอื่น ลองดู คิดถึงแตความไมดีของคนอื่น คิดซ้ํา ๆ คิดมาก ๆ ตัวเองก็รูสึก เศราหมอง ยิ่งเกลียดมากขึ้น ขณะที่เรายิ่งเกลียดเขา คิดถึงเมื่อไหรเราก็
133